กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

ลูกา 7

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24]

ทรงรักษาผู้รับใช้ของนายร้อยให้หาย (มธ 8:5-13)
7:1 บัดนี้เมื่อพระองค์ตรัสบรรดาถ้อยคำของพระองค์ให้ประชาชนฟังเสร็จแล้ว พระองค์จึงเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม
7:2 และผู้รับใช้ของนายร้อยคนหนึ่ง ผู้ที่นายร้อยรักมาก ป่วยอยู่ และเกือบจะตายแล้ว
7:3 และเมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู ท่านจึงส่งพวกผู้อาวุโสของพวกยิวไปหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนพระองค์เพื่อที่พระองค์จะเสด็จมาและรักษาผู้รับใช้ของตน
7:4 และเมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว พวกเขาก็อ้อนวอนพระองค์ทันที โดยกล่าวว่า “นายร้อยคนนี้เป็นคนสมควรที่ท่านจะกระทำสิ่งนี้ให้แก่เขา
7:5 เพราะว่าเขารักชนชาติของพวกเรา และเขาได้สร้างธรรมศาลาแห่งหนึ่งให้พวกเรา”
7:6 แล้วพระเยซูจึงเสด็จไปกับพวกเขา และบัดนี้เมื่อพระองค์อยู่ไม่ไกลจากบ้านนั้นแล้ว นายร้อยจึงส่งเพื่อนฝูงไปหาพระองค์ โดยทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า อย่าลำบากพระองค์เองเลย เพราะว่าข้าพระองค์ไม่สมควรที่พระองค์จะเข้าอยู่ใต้ชายคาของข้าพระองค์
7:7 ดังนั้นข้าพระองค์จึงไม่คิดว่าตัวเองสมควรที่จะมาหาพระองค์ด้วย แต่ขอตรัสเพียงคำเดียว และผู้รับใช้ของข้าพระองค์ก็จะได้รับการรักษาให้หาย
7:8 ด้วยว่าข้าพระองค์เป็นคนที่อยู่ใต้วินัยทหาร โดยมีพวกทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้าพระองค์ และข้าพระองค์กล่าวแก่คนหนึ่งว่า ‘ไป’ และเขาก็ไป และกล่าวแก่อีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ และเขาก็มา และแก่ผู้รับใช้ของข้าพระองค์ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ และเขาก็ทำสิ่งนั้น”
7:9 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินสิ่งเหล่านี้แล้ว พระองค์ก็ประหลาดพระทัยด้วยคนนั้น และพระองค์ทรงเหลียวหลัง และตรัสกับประชาชนที่ตามพระองค์มาว่า “เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า เราไม่เคยพบความเชื่อมากเท่านี้ ไม่มีเลย ไม่เคยพบในพวกอิสราเอล”
7:10 และคนเหล่านั้นที่ถูกส่งมา เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้ว ก็ได้พบว่าผู้รับใช้ที่ป่วยนั้นหายเป็นปกติแล้ว

บุตรชายของหญิงม่ายเป็นขึ้นมาที่เมืองนาอิน
7:11 และต่อมาในวันรุ่งขึ้นพระองค์เสด็จเข้าไปยังนครหนึ่งที่ถูกเรียกว่า นาอิน และหลายคนในพวกสาวกของพระองค์ไปพร้อมกับพระองค์ และคนเป็นอันมาก
7:12 บัดนี้เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ประตูเมืองนั้น ดูเถิด มีชายคนหนึ่งที่ตายแล้วถูกหามออกมา เป็นบุตรชายคนเดียวของมารดาของเขา และนางก็เป็นหญิงม่าย และชาวเมืองเป็นอันมากอยู่กับนาง
7:13 และเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นนาง พระองค์ทรงมีความกรุณาต่อนาง และตรัสแก่นางว่า “อย่าร้องไห้”
7:14 และพระองค์เสด็จมาและทรงแตะแคร่นั้น และพวกคนที่หามคนที่ตายนั้นก็หยุดนิ่ง และพระองค์ตรัสว่า “ชายหนุ่มเอ๋ย เรากล่าวแก่เจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด”
7:15 และคนที่ตายนั้นก็ลุกขึ้นนั่งและเริ่มพูด และพระองค์ทรงมอบชายหนุ่มนั้นให้แก่มารดาของเขา
7:16 และความกลัวก็มาสู่พวกเขาทุกคน และพวกเขาถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า โดยกล่าวว่า “ศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นในท่ามกลางพวกเราแล้ว” และ “พระเจ้าได้เสด็จมาเยี่ยมเยียนชนชาติของพระองค์แล้ว”
7:17 และข่าวลือเรื่องนี้เกี่ยวกับพระองค์ได้เลื่องลือไปตลอดทั่วแคว้นยูเดีย และตลอดทั่วแว่นแคว้นโดยรอบ
7:18 และพวกสาวกของยอห์นได้แจ้งสิ่งสารพัดเหล่านี้ให้ท่านฟัง

พวกสาวกของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาทูลถามพระเยซู (มธ 11:2-6)
7:19 และยอห์น เมื่อเรียกสาวกสองคนของท่านมา ได้ส่งพวกเขาไปหาพระเยซู โดยกล่าวว่า “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือพวกเราจะต้องเฝ้าคอยผู้อื่น”
7:20 เมื่อคนทั้งสองนั้นมาถึงพระองค์แล้ว พวกเขากล่าวว่า “ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาส่งพวกข้าพเจ้ามาหาท่าน โดยกล่าวว่า ‘ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือพวกเราจะต้องเฝ้าคอยผู้อื่น’”
7:21 และในโมงนั้นเอง พระองค์ได้ทรงรักษาคนเป็นอันมากให้หายจากความเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ ของพวกเขา และให้พ้นจากบรรดาวิญญาณชั่วร้าย และพระองค์ได้ประทานการมองเห็นให้แก่หลายคนที่ตาบอด
7:22 แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาทั้งสองว่า “จงไปตามทางของพวกท่าน และบอกยอห์นถึงสิ่งเหล่านั้นซึ่งพวกท่านได้เห็นและได้ยินว่า คนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนถูกชำระให้หายสะอาด คนหูหนวกก็ได้ยิน คนตายแล้วถูกทำให้เป็นขึ้นมา ข่าวประเสริฐก็ถูกประกาศแก่คนยากจน
7:23 และผู้ใดก็ตามที่จะไม่สะดุดในเรา ผู้นั้นก็ได้รับพร”

พระเยซูทรงยกย่องยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา (มธ 11:7-13)
7:24 และเมื่อผู้สื่อสารทั้งสองคนของยอห์นจากไปแล้ว พระองค์ก็เริ่มตรัสกับประชาชนเกี่ยวกับยอห์นว่า “ท่านทั้งหลายได้ออกไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อดูอะไร ดูต้นอ้อไหวโดยถูกลมพัดหรือ
7:25 แต่ท่านทั้งหลายได้ออกไปเพื่อดูอะไร คนนุ่งห่มผ้าเนื้ออ่อนนิ่มหรือ ดูเถิด คนเหล่านั้นซึ่งนุ่งห่มผ้างดงาม และอยู่อย่างดีวิเศษ ย่อมอยู่ในราชสำนักของกษัตริย์ทั้งหลาย
7:26 แต่ท่านทั้งหลายได้ออกไปเพื่อดูอะไร ศาสดาพยากรณ์คนหนึ่งหรือ ใช่แล้ว เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลาย และยิ่งกว่าศาสดาพยากรณ์เสียอีก
7:27 นี่แหละคือผู้ที่ถูกเขียนถึงว่า ‘ดูเถิด เราส่งทูตของเราไปข้างหน้าท่าน ผู้ซึ่งจะเตรียมหนทางของท่านไว้ข้างหน้าท่าน’
7:28 ด้วยว่าเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ในท่ามกลางคนเหล่านั้นที่เกิดจากพวกผู้หญิง ไม่มีศาสดาพยากรณ์ผู้ใดที่ใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรของพระเจ้าก็เป็นใหญ่กว่ายอห์นเสียอีก”
7:29 และประชาชนทุกคนที่ได้ยินพระองค์ และพวกคนเก็บภาษี ก็ได้นับว่าพระเจ้าทรงยุติธรรม โดยได้รับบัพติศมาด้วยบัพติศมาของยอห์น

คำวิจารณ์อย่างไร้เหตุผลของพวกฟาริสี (มธ 11:16-19)
7:30 แต่พวกฟาริสีและพวกนักกฎหมายปฏิเสธพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อเขาทั้งหลาย โดยมิได้รับบัพติศมาของยอห์น
7:31 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “แล้วเราจะเปรียบคนแห่งชั่วอายุนี้เหมือนกับอะไรดี และพวกเขาเหมือนอะไร
7:32 คนชั่วอายุนี้เปรียบเหมือนเด็ก ๆ ซึ่งนั่งในตลาด และร้องเรียกซึ่งกันและกัน และกล่าวว่า ‘พวกฉันได้เป่าปี่ให้พวกเธอ และพวกเธอมิได้เต้นรำ พวกฉันได้พิลาปร่ำไห้แก่พวกเธอ และพวกเธอมิได้ร้องไห้’
7:33 ด้วยว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมาไม่ได้มาทั้งรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำองุ่น และท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘เขามีผีตนหนึ่งเข้าสิงอยู่’
7:34 บุตรมนุษย์ก็เสด็จมาทั้งกินและดื่ม และท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘ดูเถิด ชายผู้กินเติบและดื่มน้ำองุ่นมาก เป็นมิตรสหายกับพวกคนเก็บภาษีและคนบาปทั้งหลาย’
7:35 แต่พระปัญญาก็ปรากฏว่าชอบธรรมแล้วโดยบรรดาบุตรทั้งหลายของนาง”

หญิงซึ่งเป็นคนบาปมากมาชโลมพระเยซู
7:36 และคนหนึ่งในพวกฟาริสีขอร้องพระองค์ให้พระองค์ไปเสวยพระกระยาหารกับเขา และพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของคนฟาริสีนั้น และเอนพระกายลงเสวยพระกระยาหาร
7:37 และดูเถิด ผู้หญิงคนหนึ่งในนครนั้น ซึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางทราบว่าพระเยซูทรงเอนพระกายลงเสวยอยู่ในบ้านของคนฟาริสีนั้น จึงถือผอบน้ำมันหอมมา
7:38 และยืนอยู่ใกล้พระบาทของพระองค์ข้างหลังพระองค์ โดยร้องไห้อยู่ และเริ่มชำระพระบาทของพระองค์ด้วยน้ำตาหลายหยด และเช็ดพระบาทนั้นด้วยผมทั้งหลายแห่งศีรษะของนาง และจุบพระบาทของพระองค์ และชโลมพระบาทด้วยน้ำมันหอมนั้น
7:39 บัดนี้เมื่อคนฟาริสีซึ่งได้เชิญพระองค์มาเห็นสิ่งนั้น เขาก็พูดภายในตัวเอง โดยกล่าวว่า “ท่านผู้นี้ ถ้าท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ ก็คงจะทราบแล้วว่าหญิงคนนี้ที่ถูกต้องกายของท่านเป็นผู้ใดและเป็นคนลักษณะใด เพราะนางเป็นคนบาป”
7:40 และพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนเอ๋ย เรามีอะไรจะพูดกับท่านบ้าง” และเขากล่าวว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า เชิญพูดไปเถิด”

นางรักมากและได้รับการยกโทษบาปทั้งหลายของนาง
7:41 “มีเจ้าหนี้คนหนึ่งซึ่งมีลูกหนี้สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้เงินห้าร้อยเหรียญเดนาริอัน และอีกคนเป็นหนี้เงินห้าสิบเหรียญ
7:42 และเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรจะใช้หนี้แล้ว ท่านจึงโปรดยกหนี้ให้เขาทั้งสองคน เพราะฉะนั้นจงบอกเราว่า ในสองคนนั้น คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่า”
7:43 ซีโมนตอบและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าคิดว่า คนที่เจ้าหนี้ได้โปรดยกหนี้ให้มากกว่า” และพระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตัดสินถูกต้องแล้ว”
7:44 และพระองค์ทรงเหลียวหลังดูผู้หญิงนั้น และตรัสแก่ซีโมนว่า “ท่านเห็นผู้หญิงคนนี้หรือ เราได้เข้ามาในบ้านของท่าน ท่านมิได้ให้น้ำแก่เราสำหรับเท้าของเรา แต่นางได้ชำระเท้าของเราด้วยน้ำตาหลายหยด และได้เช็ดเท้าของเราด้วยผมทั้งหลายแห่งศีรษะของนาง
7:45 ท่านมิได้จุบเรา แต่ผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เวลาที่เราได้เข้ามามิได้หยุดจุบเท้าของเราเลย
7:46 ท่านมิได้ชโลมศีรษะของเราด้วยน้ำมัน แต่ผู้หญิงคนนี้ได้ชโลมเท้าของเราด้วยน้ำมันหอม
7:47 เหตุฉะนั้น เรากล่าวแก่ท่านว่า บาปทั้งหลายของนางซึ่งมีมาก ได้รับการยกโทษเสียแล้ว เพราะนางได้รักมาก แต่ผู้ที่ได้รับการยกโทษน้อย ผู้เดียวกันนั้นเองก็รักน้อย”
7:48 และพระองค์ตรัสแก่นางว่า “บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว”
7:49 และคนทั้งหลายที่เอนกายลงรับประทานอยู่ด้วยกันกับพระองค์ เริ่มกล่าวภายในตัวเองว่า “คนนี้เป็นผู้ใดเล่าที่ยกโทษบาปทั้งหลายได้ด้วย”
7:50 และพระองค์ตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า “ความเชื่อของเจ้าได้ทำให้เจ้ารอดแล้ว จงไปเป็นสุขเถิด”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope