กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

ลูกา 12

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24]

เชื้อของพวกฟาริสี
12:1 ในระหว่างนั้น เมื่อคนเป็นอันมากซึ่งนับไม่ถ้วนชุมนุมกัน จนถึงขนาดที่พวกเขาเหยียบกัน พระองค์ทรงเริ่มตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ก่อนว่า “ท่านทั้งหลายจงระวังเชื้อของพวกฟาริสี ซึ่งเป็นความหน้าซื่อใจคด
12:2 เพราะว่าไม่มีสิ่งใดปิดบังไว้ ที่จะไม่ถูกเปิดเผย หรือที่ถูกซ่อนไว้ ที่จะไม่เผยให้ประจักษ์
12:3 เหตุฉะนั้น สิ่งใดก็ตามซึ่งพวกท่านได้กล่าวในที่มืด จะได้ยินในที่สว่าง และสิ่งซึ่งพวกท่านได้กระซิบในหูในห้องส่วนตัว จะถูกประกาศบนดาดฟ้าบ้านทั้งหลาย
12:4 และเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพวกมิตรสหายของเราว่า อย่ากลัวคนทั้งหลายที่ฆ่าได้แต่กาย และหลังจากนั้นไม่มีอะไรอีกที่พวกเขาสามารถทำได้
12:5 แต่เราจะเตือนพวกท่านให้ทราบว่าพวกท่านควรจะกลัวผู้ใด จงกลัวพระองค์ ผู้ซึ่งหลังจากที่พระองค์ได้ทรงฆ่าแล้วก็มีอำนาจที่จะโยนลงในนรกได้ ใช่แล้ว เรากล่าวแก่พวกท่านว่า จงกลัวพระองค์ผู้นั้นแหละ
12:6 นกกระจอกห้าตัวถูกขายสองบาทมิใช่หรือ และไม่มีตัวหนึ่งในพวกนกนั้นที่ถูกลืมต่อพระพักตร์พระเจ้าเลย
12:7 แม้แต่บรรดาเส้นผมแห่งศีรษะของพวกท่านก็ถูกนับไว้แล้วทุกเส้น เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็มีค่ามากกว่านกกระจอกหลายตัว
12:8 และเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายด้วยว่า ผู้ใดก็ตามที่จะยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าด้วย
12:9 แต่ผู้ที่ปฏิเสธเราต่อหน้ามนุษย์ จะถูกปฏิเสธต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า
12:10 และผู้ใดก็ตามที่จะกล่าวคำกล่าวร้ายต่อบุตรมนุษย์ สิ่งนั้นจะโปรดยกโทษให้ผู้นั้น แต่สำหรับผู้ใดที่หมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ สิ่งนั้นจะไม่โปรดยกโทษให้ผู้นั้นเลย
12:11 และเมื่อพวกเขาพาพวกท่านเข้าในธรรมศาลาทั้งหลาย และต่อหน้าพวกผู้พิพากษาและบรรดาผู้ที่มีอำนาจ พวกท่านอย่าเป็นกังวลว่าพวกท่านจะตอบอย่างไรหรืออะไร หรือพวกท่านจะกล่าวอะไร
12:12 ด้วยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะโปรดสอนพวกท่านในโมงยามเดียวกันนั้นว่า พวกท่านควรจะพูดอะไรดี”
12:13 และคนหนึ่งในหมู่คนเหล่านั้นกล่าวแก่พระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า ขอกล่าวแก่พี่ชายของข้าพเจ้าว่า ให้เขาแบ่งมรดกให้กับข้าพเจ้า”
12:14 และพระองค์ตรัสกับเขาว่า “บุรุษเอ๋ย ใครได้ตั้งเราให้เป็นผู้พิพากษา หรือเป็นผู้แบ่งมรดกเหนือพวกท่าน”
12:15 และพระองค์ตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า “จงเอาใจใส่ และระวังความโลภ เพราะว่าชีวิตของบุคคลใด ๆ ไม่ประกอบด้วยความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งเขามีอยู่นั้น”

คำอุปมาเกี่ยวกับเศรษฐีโง่
12:16 และพระองค์ตรัสคำอุปมาแก่พวกเขา โดยตรัสว่า “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก
12:17 และเศรษฐีคนนั้นจึงคิดภายในตัวเอง โดยกล่าวว่า ‘เราจะทำอะไรดี เพราะว่าเราไม่มีที่ที่จะเก็บผลทั้งหลายของเรา’
12:18 และเขากล่าวว่า ‘เราจะทำอย่างนี้ เราจะรื้อบรรดายุ้งฉางของเราเสีย และจะสร้างให้ใหญ่โตกว่าเก่า และที่นั่นเราจะเก็บผลทั้งหมดของเราและบรรดาทรัพย์สมบัติของเราไว้
12:19 และเราจะกล่าวแก่จิตใจของเราว่า “จิตใจเอ๋ย เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี เจ้าจงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด”’
12:20 แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า ‘เจ้าคนโง่ ในคืนวันนี้จิตวิญญาณของเจ้าจะถูกเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วสิ่งของเหล่านั้นจะเป็นของใครเล่า ซึ่งเจ้าได้เก็บไว้นั้น’
12:21 คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวเอง และมิได้มั่งมีเฉพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”
12:22 และพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “เหตุฉะนั้นเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า พวกท่านจะเอาอะไรกิน ทั้งถึงร่างกายว่า พวกท่านจะเอาอะไรนุ่งห่ม
12:23 ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม
12:24 จงพิจารณาดูนกกาทั้งหลาย ด้วยว่าพวกมันมิได้หว่านและมิได้เกี่ยว ซึ่งมิได้มีคลังหรือยุ้งฉาง และพระเจ้ายังทรงเลี้ยงพวกมันไว้ ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่านกทั้งหลายมากทีเดียว
12:25 และมีใครในพวกท่าน โดยความกระวนกระวาย สามารถต่อความสูงของตนให้ยาวออกไปอีกศอกหนึ่งได้หรือ
12:26 เหตุฉะนั้นถ้าพวกท่านไม่สามารถทำสิ่งนั้นที่เล็กน้อยที่สุดได้ ทำไมพวกท่านกระวนกระวายถึงสิ่งอื่นที่เหลือเล่า
12:27 จงพิจารณาดูบรรดาดอกลิลลี่ว่า พวกมันงอกเจริญขึ้นอย่างไร พวกมันไม่ทำงาน พวกมันไม่ปั่นด้าย และเรายังกล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ซาโลมอนในสง่าราศีทั้งหมดของท่าน ก็ไม่ได้ทรงแต่งกายงดงามเหมือนดอกลิลลี่นี้ดอกหนึ่ง
12:28 ถ้าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้ในทุ่งนา และรุ่งขึ้นถูกทิ้งในเตาไฟ พระองค์จะทรงตกแต่งพวกท่านมากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด โอ พวกท่านที่มีความเชื่อน้อย
12:29 และท่านทั้งหลายอย่าเสาะหาว่า พวกท่านจะกินอะไร หรือพวกท่านจะดื่มอะไร และพวกท่านอย่ามีใจสงสัยเลย
12:30 เพราะว่าประเทศทั้งหลายทั่วโลกเสาะหาบรรดาสิ่งของเหล่านี้ และพระบิดาของท่านทั้งหลายทรงทราบแล้วว่าพวกท่านต้องการสิ่งของเหล่านี้
12:31 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าดีกว่า และบรรดาสิ่งของเหล่านี้จะถูกเพิ่มเติมให้แก่พวกท่าน
12:32 อย่ากลัวเลย ฝูงแกะเล็กน้อยเอ๋ย เพราะว่าเป็นที่ชอบพระทัยอันประเสริฐของพระบิดาของพวกท่าน ที่จะประทานอาณาจักรนั้นให้แก่พวกท่าน
12:33 จงขายสิ่งที่พวกท่านมีอยู่และทำทาน จงจัดหาถุงใส่เงินทั้งหลายสำหรับตัวพวกท่านเองซึ่งไม่รู้เก่า เป็นทรัพย์สมบัติในสวรรค์ทั้งหลายที่ไม่เสื่อมสูญไป ที่ซึ่งไม่มีขโมยคนใดเข้ามาใกล้ และไม่มีตัวมอดทำลายเสีย
12:34 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของพวกท่านอยู่ที่ไหน ใจของพวกท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

เราควรจะคอยท่าการเสด็จกลับมาของพระเยซู
12:35 จงให้เอวของท่านทั้งหลายถูกคาดไว้โดยรอบ และให้ตะเกียงของพวกท่านจุดอยู่
12:36 และพวกท่านเองจงเหมือนคนทั้งหลายที่คอยรับนายของตน เมื่อนายจะกลับมาจากงานสมรส เพื่อเมื่อนายมาและเคาะประตูแล้ว พวกเขาจะเปิดให้นายทันทีได้
12:37 ผู้รับใช้เหล่านั้นก็ได้รับพร ผู้ซึ่งนายเมื่อเขามาจะพบว่ากำลังคอยเฝ้าอยู่ เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายคนนั้นจะคาดเอวของตนไว้ และทำให้ผู้รับใช้เหล่านั้นเอนกายลงรับประทาน และจะออกมาและปรนนิบัติพวกเขา
12:38 และถ้านายจะมาในเวลาสองยาม หรือมาในเวลาสามยาม และพบผู้รับใช้เหล่านั้นอยู่อย่างนั้น ผู้รับใช้เหล่านั้นก็ได้รับพร
12:39 และจงทราบสิ่งนี้เถิดว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่าขโมยจะมาโมงใด เขาก็คงคอยเฝ้าอยู่ และคงไม่ให้บ้านของตนถูกทะลวงไปแล้ว
12:40 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงพร้อมอยู่ด้วย เพราะว่าบุตรมนุษย์จะเสด็จมาในโมงที่พวกท่านไม่คิด”
12:41 แล้วเปโตรทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ตรัสคำอุปมานี้แก่พวกข้าพระองค์หรือ หรือแก่คนทั้งปวง”

คำอุปมาเกี่ยวกับคนต้นเรือนสัตย์ซื่อ
12:42 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ใครเป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อและฉลาด ผู้ที่นายของตนได้ตั้งไว้เหนือครัวเรือนของเขา เพื่อแจกอาหารให้พวกเขาเป็นส่วนของแต่ละคนนั้นตามเวลา
12:43 ผู้รับใช้ผู้นั้นก็ได้รับพร ผู้ซึ่งนายของตน เมื่อเขามาถึง จะพบผู้นั้นกระทำอยู่อย่างนั้น
12:44 เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งผู้นั้นไว้ให้เป็นผู้ดูแลเหนือบรรดาข้าวของทั้งสิ้นซึ่งเขามีอยู่
12:45 แต่ถ้าผู้รับใช้คนนั้นกล่าวในใจของตนว่า ‘นายของข้าชะลอการมาของเขา’ และจะเริ่มโบยตีพวกผู้รับใช้ชายและพวกสาวใช้ และกินและดื่ม และเมาไป
12:46 นายของผู้รับใช้คนนั้นจะมาในวันเมื่อเขาไม่เฝ้ารอนาย และในโมงเมื่อเขาไม่ตระหนักรู้ และจะตัดเขาออกเป็นสองท่อน และจะจัดส่วนของเขาให้แก่เขากับพวกคนที่ไม่เชื่อ
12:47 และผู้รับใช้คนนั้น ผู้ซึ่งได้ทราบน้ำใจของนาย และมิได้เตรียมตัวเองไว้ และมิได้กระทำตามน้ำใจของนาย จะถูกเฆี่ยนด้วยรอยเฆี่ยนมากมาย
12:48 แต่ผู้ที่มิได้ทราบ และไม่ได้กระทำสิ่งใด ๆ ซึ่งสมจะถูกเฆี่ยนหลายครั้ง ก็จะถูกเฆี่ยนด้วยรอยเฆี่ยนน้อย ด้วยว่าผู้ใดก็ตามที่ได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากผู้นั้นมาก และผู้ใดที่มนุษย์ได้ฝากไว้มาก พวกเขาจะทวงเอาจากผู้นั้นมากยิ่งกว่า

พระคริสต์ทรงนำความแตกแยกกันมาท่ามกลางมนุษย์
12:49 เรามาเพื่อจะส่งไฟลงมาบนแผ่นดินโลก และเราจะปรารถนาอะไรเล่า หากไฟนั้นได้ถูกจุดไว้แล้ว
12:50 แต่เรามีบัพติศมาอย่างหนึ่งที่จะต้องรับ และเราถูกบีบคั้นเหลือเกินจนกว่ามันจะสำเร็จ
12:51 ท่านทั้งหลายคิดว่า เรามาเพื่อจะประทานสันติสุขบนแผ่นดินโลกหรือ เรากล่าวแก่พวกท่านว่า มิใช่ แต่การแตกแยกกันต่างหาก
12:52 ด้วยว่าตั้งแต่นี้ไปห้าคนในบ้านหลังหนึ่งก็จะแตกแยกกัน คือสามต่อสองและสองต่อสาม
12:53 พ่อจะแตกแยกจากลูกชาย และลูกชายจากพ่อ แม่จากลูกสาว และลูกสาวจากแม่ แม่สามีจากลูกสะใภ้ของตน และลูกสะใภ้จากแม่สามีของตน”
12:54 และพระองค์ตรัสกับประชาชนด้วยว่า “เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเมฆก้อนหนึ่งขึ้นมาจากทิศตะวันตก ทันทีพวกท่านกล่าวว่า ‘ฝนจะตก’ และก็เป็นอย่างนั้น
12:55 และเมื่อพวกท่านเห็นลมทิศใต้พัดมา พวกท่านก็กล่าวว่า ‘จะร้อนจัด’ และก็เป็นเช่นนั้น
12:56 พวกเจ้า พวกหน้าซื่อใจคด เจ้าทั้งหลายสามารถแยกแยะลักษณะของท้องฟ้าและแผ่นดิน แต่ทำไมพวกเจ้าไม่แยกแยะกาลสมัยนี้
12:57 ใช่แล้ว และทำไมเจ้าทั้งหลายไม่ตัดสินเอาเองว่าสิ่งไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
12:58 เมื่อเจ้าไปกับโจทก์ของเจ้าไปหาผู้พิพากษา ขณะที่เจ้ายังอยู่ระหว่างทาง จงขวนขวายที่เจ้าจะถูกช่วยให้พ้นจากเขา เกรงว่าเขาจะฉุดลากเจ้าเข้าไปถึงผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบเจ้าไว้กับผู้คุม และผู้คุมจะโยนเจ้าเข้าคุก
12:59 เราบอกเจ้าว่า เจ้าจะไม่ได้ออกจากที่นั่น จนกว่าเจ้าจะได้ใช้หนี้ครบทุกสตางค์”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope