กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

ลูกา 17

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24]

พระเยซูทรงสอนให้ยกโทษ
17:1 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกว่า “เป็นไปไม่ได้ที่เหตุให้หลงผิดต่าง ๆ จะไม่มาถึง แต่วิบัติแก่ผู้ที่ก่อเหตุให้เกิดความหลงผิดเหล่านั้น
17:2 ซึ่งจะเอาหินโม่ก้อนใหญ่ผูกที่คอของผู้นั้น และผู้นั้นจะถูกทิ้งลงในทะเล ก็ดีกว่าให้ผู้นั้นทำคนหนึ่งในผู้เล็กน้อยเหล่านี้ให้หลงผิด
17:3 จงระวังตัวพวกท่านเองให้ดี ถ้าพี่น้องของท่านคนหนึ่งทำการละเมิดต่อท่าน จงต่อว่าเขา และถ้าเขากลับใจแล้ว จงยกโทษให้เขา
17:4 และถ้าเขาทำการละเมิดต่อท่านเจ็ดครั้งต่อวัน และเจ็ดครั้งต่อวันจะกลับมาหาท่านอีก โดยกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ากลับใจแล้ว’ ท่านจงยกโทษให้เขาเถิด”
17:5 และพวกอัครทูตทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอโปรดให้ความเชื่อของพวกข้าพเจ้าเพิ่มขึ้นอีก”
17:6 และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง พวกท่านจะสามารถกล่าวแก่ต้นสุกะมินนี้ว่า ‘เจ้าจงถูกถอนขึ้นด้วยโคนต้น และเจ้าจงถูกปลูกในทะเล’ และมันจะเชื่อฟังพวกท่าน

การรับใช้โดยผู้รับใช้ที่ดี
17:7 แต่คนใดในพวกท่าน ซึ่งมีผู้รับใช้คนหนึ่งกำลังไถนาหรือเลี้ยงฝูงสัตว์ จะกล่าวแก่ผู้รับใช้คนนั้นทันที เมื่อเขากลับมาจากทุ่งนาว่า ‘จงไปและเอนกายลงรับประทานเถิด’
17:8 และจะไม่กล่าวแก่เขามากกว่าหรือว่า ‘จงจัดเตรียมไว้ให้เรารับประทาน และคาดเอวของเจ้าไว้ และปรนนิบัติเรา จนกว่าเราได้กินและดื่มแล้ว และหลังจากนั้นเจ้าจงกินและดื่มเถิด’
17:9 นายจะขอบใจผู้รับใช้คนนั้นเพราะเขาได้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่สั่งให้เขาทำหรือ เราคิดว่าไม่
17:10 ดังนั้นเช่นกันพวกท่าน เมื่อพวกท่านจะได้กระทำสิ่งสารพัดเหล่านั้นซึ่งทรงบัญชาไว้แก่พวกท่านนั้น ก็จงกล่าวว่า ‘พวกข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อนาย พวกข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งซึ่งเป็นหน้าที่ของพวกข้าพเจ้าที่จะกระทำ’”

ทรงรักษาคนโรคเรื้อนสิบคนให้หาย
17:11 และต่อมาขณะที่พระองค์กำลังเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ก็เสด็จผ่านระหว่างแคว้นสะมาเรียและแคว้นกาลิลี
17:12 และขณะที่พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายเป็นโรคเรื้อนสิบคนมาพบพระองค์ ผู้ซึ่งยืนอยู่แต่ไกล
17:13 และพวกเขาส่งเสียงของตน และกล่าวว่า “พระเยซู นายเจ้าข้า โปรดเมตตาพวกข้าพเจ้าเถิด”
17:14 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวกเขาแล้ว พระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า “จงไปแสดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” และต่อมา ขณะที่พวกเขากำลังไป เขาทั้งหลายก็หายสะอาด
17:15 และคนหนึ่งในพวกเขา เมื่อเขาเห็นว่าตัวได้รับการรักษาให้หายแล้ว จึงกลับมา และถวายสง่าราศีแด่พระเจ้าด้วยเสียงดัง
17:16 และซบหน้าลงถึงดินที่พระบาทของพระองค์ โดยขอบพระคุณพระองค์ และคนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย
17:17 และพระเยซูตรัสตอบว่า “มีสิบคนหายสะอาดมิใช่หรือ แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน
17:18 ไม่เห็นผู้ใดกลับมาถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า เว้นแต่คนต่างชาติคนนี้”
17:19 และพระองค์ตรัสกับคนนั้นว่า “จงลุกขึ้น ไปตามทางของเจ้าเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้าหายปกติแล้ว”

อาณาจักรของพระเจ้าไม่มาโดยทางปรากฏแก่ตา
17:20 และเมื่อพระองค์ถูกเรียกร้องจากพวกฟาริสีว่า อาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึงเมื่อไร พระองค์ทรงตอบพวกเขา และตรัสว่า “อาณาจักรของพระเจ้าไม่มาโดยให้เป็นที่สังเกตได้
17:21 และพวกเขาจะไม่กล่าวว่า ‘มาดูนี่’ หรือ ‘ไปดูโน่น’ เพราะดูเถิด อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ภายในท่านทั้งหลาย”

พระคริสต์ตรัสถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์
17:22 และพระองค์ตรัสกับพวกสาวกว่า “วันเหล่านั้นจะมาถึง เมื่อท่านทั้งหลายจะปรารถนาเห็นวันหนึ่งแห่งวันทั้งหลายของบุตรมนุษย์ แต่ท่านทั้งหลายจะไม่เห็นวันนั้น
17:23 และพวกเขาจะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ‘มาดูนี่’ หรือ ‘ไปดูโน่น’ อย่าตามพวกเขาไป หรือติดตามพวกเขาเลย
17:24 ด้วยว่าฟ้าแลบ ที่แลบออกจากฟ้าสวรรค์ข้างหนึ่งส่องสว่างไปถึงฟ้าสวรรค์อีกข้างหนึ่งฉันใด บุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้นเช่นกันในวันของพระองค์
17:25 แต่ก่อนอื่นพระองค์จะต้องทนทุกข์หลายประการ และถูกปฏิเสธโดยคนชั่วอายุนี้
17:26 และมันเคยเป็นในสมัยของโนอาห์อย่างไร มันก็จะเป็นไปอย่างนั้นเช่นกันในสมัยของบุตรมนุษย์
17:27 พวกเขาได้กิน พวกเขาได้ดื่ม พวกเขาได้แต่งงานกับภรรยา พวกเขาได้ถูกยกให้ในการสมรส จนถึงวันนั้นที่โนอาห์ได้เข้าในเรือ และน้ำท่วมมา และทำลายพวกเขาเสียทั้งหมด
17:28 ในสมัยของโลทก็เช่นกันด้วย พวกเขาได้กิน พวกเขาได้ดื่ม พวกเขาได้ซื้อ พวกเขาได้ขาย พวกเขาได้ปลูก พวกเขาได้ก่อสร้าง
17:29 แต่ในวันเดียวกันนั้นที่โลทออกไปจากเมืองโสโดม ไฟและกำมะถันได้ตกจากฟ้าสวรรค์ และเผาผลาญพวกเขาเสียทั้งสิ้น
17:30 มันก็จะเป็นอย่างนั้นในวันนั้นเมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาปรากฏ
17:31 ในวันนั้นคนซึ่งจะอยู่บนดาดฟ้าบ้าน และสิ่งของของเขาอยู่ในบ้าน อย่าให้เขาลงมาเพื่อเก็บสิ่งของนั้นไป และคนที่อยู่ในทุ่งนา อย่าให้เขากลับมาเช่นกัน
17:32 จงระลึกถึงภรรยาของโลทเถิด
17:33 ผู้ใดก็ตามที่พยายามจะเอาชีวิตของตนรอด จะเสียชีวิต และผู้ใดก็ตามที่จะยอมเสียชีวิตของตน จะสงวนชีวิตนั้นไว้
17:34 เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในคืนวันนั้นจะมีชายสองคนในที่นอนอันเดียวกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป และอีกคนจะถูกทิ้งไว้
17:35 ผู้หญิงสองคนจะกำลังโม่แป้งด้วยกัน คนหนึ่งจะถูกรับไป และอีกคนจะถูกทิ้งไว้
17:36 ชายสองคนจะอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป และอีกคนจะถูกทิ้งไว้”
17:37 และพวกเขาตอบและทูลพระองค์ว่า “ที่ไหน พระองค์เจ้าข้า” และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ซากศพอยู่ที่ไหนก็ตาม ฝูงนกอินทรีจะรวมตัวกันอยู่ที่นั่น”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope