กลับหน้าแรก / Main Menu

 

ยอห์น 16 / John 16

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21]

คำสัญญาเรื่องการถูกข่มเหงของคริสเตียน (มธ 24:9-10; ลก 21:16-19)
16:1 “สิ่งเหล่านี้เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่สะดุด

Persecution Promised for Christians (Matt. 24:9-10; Luke 21:16-19)
16:1 These things have I spoken unto you, that ye should not be offended.

16:2 พวกเขาจะไล่ท่านทั้งหลายเสียจากบรรดาธรรมศาลา ใช่แล้ว จะถึงเวลาที่ผู้ใดก็ตามที่ฆ่าท่านทั้งหลายเสียจะคิดว่าเขารับใช้พระเจ้า

16:2 They shall put you out of the synagogues: yea, the time cometh, that whosoever killeth you will think that he doeth God service.

16:3 และสิ่งเหล่านี้พวกเขาจะกระทำแก่ท่านทั้งหลาย เพราะพวกเขาไม่ได้รู้จักพระบิดาและไม่ได้รู้จักเรา

16:3 And these things will they do unto you, because they have not known the Father, nor me.

16:4 แต่สิ่งเหล่านี้เราบอกท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อว่าเมื่อเวลานั้นจะมาถึง ท่านทั้งหลายจะระลึกว่า เราได้บอกท่านทั้งหลายเรื่องสิ่งเหล่านี้แล้ว และสิ่งเหล่านี้เรามิได้กล่าวแก่ท่านทั้งหลายแต่แรก เพราะว่าขณะนั้นเรายังอยู่กับท่านทั้งหลาย

16:4 But these things have I told you, that when the time shall come, ye may remember that I told you of them. And these things I said not unto you at the beginning, because I was with you.

16:5 แต่บัดนี้เราจะไปตามทางของเราสู่พระองค์ผู้ได้ทรงส่งเรามา และไม่มีใครในท่านทั้งหลายถามเราว่า ‘พระองค์จะเสด็จไปที่ไหน’

16:5 But now I go my way to him that sent me; and none of you asketh me, Whither goest thou?

16:6 แต่เพราะเรากล่าวสิ่งเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว ใจของท่านทั้งหลายจึงเต็มไปด้วยความทุกข์โศก

16:6 But because I have said these things unto you, sorrow hath filled your heart.

พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงตำหนิโลก
16:7 แต่อย่างไรก็ตามเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย เป็นประโยชน์สำหรับท่านทั้งหลายที่เราจะจากไป เพราะถ้าเราไม่จากไป ผู้ปลอบประโลมใจก็จะไม่เสด็จมายังท่านทั้งหลาย แต่ถ้าเราจากไปแล้ว เราก็จะส่งพระองค์มายังท่านทั้งหลาย

Holy Spirit to Reprove the World
16:7 Nevertheless I tell you the truth; It is expedient for you that I go away: for if I go not away, the Comforter will not come unto you; but if I depart, I will send him unto you.

16:8 และเมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงตำหนิโลกเรื่องบาป และเรื่องความชอบธรรม และเรื่องการพิพากษา

16:8 And when he is come, he will reprove the world of sin, and of righteousness, and of judgment:

16:9 เรื่องบาปนั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อในเรา

16:9 Of sin, because they believe not on me;

16:10 เรื่องความชอบธรรมนั้น เพราะเราไปหาพระบิดาของเรา และท่านทั้งหลายก็ไม่เห็นเราอีกต่อไป

16:10 Of righteousness, because I go to my Father, and ye see me no more;

16:11 เรื่องการพิพากษานั้น เพราะผู้ครองแห่งโลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว

16:11 Of judgment, because the prince of this world is judged.

พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเป็นผู้นำทางของพวกคริสเตียน
16:12 เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะกล่าวแก่ท่านทั้งหลาย แต่เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายยังไม่สามารถรับสิ่งเหล่านั้นได้

The Holy Spirit to Guide the Christians
16:12 I have yet many things to say unto you, but ye cannot bear them now.

16:13 แต่เมื่อพระองค์ พระวิญญาณแห่งความจริง เสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่สิ่งใดก็ตามที่พระองค์จะทรงได้ยิน พระองค์จะตรัสสิ่งนั้น และพระองค์จะทรงแสดงให้ท่านทั้งหลายทราบถึงสิ่งเหล่านั้นที่จะมา

16:13 Howbeit when he, the Spirit of truth, is come, he will guide you into all truth: for he shall not speak of himself; but whatsoever he shall hear, that shall he speak: and he will shew you things to come.

16:14 พระองค์จะทรงให้เราได้รับสง่าราศี เพราะว่าพระองค์จะทรงรับสิ่งที่เป็นของเรา และจะแสดงสิ่งนั้นแก่ท่านทั้งหลาย

16:14 He shall glorify me: for he shall receive of mine, and shall shew it unto you.

16:15 สิ่งสารพัดที่พระบิดาทรงมีนั้นเป็นของเรา เหตุฉะนั้นเราจึงได้กล่าวว่า พระวิญญาณจะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรานั้น และจะแสดงสิ่งนั้นแก่ท่านทั้งหลาย

16:15 All things that the Father hath are mine: therefore said I, that he shall take of mine, and shall shew it unto you.

พระเยซูทรงปลอบใจพวกสาวกเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นมาของพระองค์
16:16 อีกหน่อยหนึ่ง และท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเรา และอีกครั้ง อีกหน่อยหนึ่ง และท่านทั้งหลายจะเห็นเรา เพราะเราไปถึงพระบิดา”

Jesus Comforts the Disciples concerning His Death and Resurrection
16:16 A little while, and ye shall not see me: and again, a little while, and ye shall see me, because I go to the Father.

16:17 แล้วบางคนในพวกสาวกของพระองค์จึงพูดกันในท่ามกลางพวกเขาเองว่า “ที่พระองค์ตรัสกับพวกเราว่า ‘อีกหน่อยหนึ่ง และท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเรา และอีกครั้ง อีกหน่อยหนึ่ง และท่านทั้งหลายจะเห็นเรา’ และ ‘เพราะเราไปถึงพระบิดา’ หมายความว่าอะไร”

16:17 Then said some of his disciples among themselves, What is this that he saith unto us, A little while, and ye shall not see me: and again, a little while, and ye shall see me: and, Because I go to the Father?

16:18 ฉะนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า “นี่หมายความว่าอะไรที่พระองค์ตรัสว่า ‘อีกหน่อยหนึ่ง’ เราไม่ทราบว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นหมายความว่าอะไร”

16:18 They said therefore, What is this that he saith, A little while? we cannot tell what he saith.

16:19 บัดนี้พระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาอยากทูลถามพระองค์ และตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายถามกันอยู่ในท่ามกลางท่านทั้งหลายเองหรือว่า เราหมายความว่าอะไรที่กล่าวว่า ‘อีกหน่อยหนึ่ง และท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเรา และอีกครั้ง อีกหน่อยหนึ่ง และท่านทั้งหลายจะเห็นเรา’

16:19 Now Jesus knew that they were desirous to ask him, and said unto them, Do ye enquire among yourselves of that I said, A little while, and ye shall not see me: and again, a little while, and ye shall see me?

16:20 แท้จริงแล้วเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายจะร้องไห้และคร่ำครวญ แต่โลกจะปีติยินดี และท่านทั้งหลายจะทุกข์โศก แต่ความทุกข์โศกของท่านทั้งหลายจะกลับกลายเป็นความปีติยินดี

16:20 Verily, verily, I say unto you, That ye shall weep and lament, but the world shall rejoice: and ye shall be sorrowful, but your sorrow shall be turned into joy.

16:21 ผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อนางเจ็บครรภ์กำลังจะคลอดบุตร ก็มีความทุกข์โศก เพราะเวลาของนางมาถึงแล้ว แต่ทันทีที่นางคลอดบุตรแล้ว นางก็ไม่ระลึกถึงความเจ็บปวดนั้นอีกต่อไป เพราะมีความปีติยินดีที่คนหนึ่งเกิดเข้ามาในโลกแล้ว

16:21 A woman when she is in travail hath sorrow, because her hour is come: but as soon as she is delivered of the child, she remembereth no more the anguish, for joy that a man is born into the world.

16:22 และบัดนี้ท่านทั้งหลายจึงมีความทุกข์โศก แต่เราจะเห็นท่านทั้งหลายอีก และใจของท่านทั้งหลายจะปีติยินดี และความปีติยินดีของท่านทั้งหลายนั้น ไม่มีผู้ใดเอาไปจากท่านทั้งหลาย

16:22 And ye now therefore have sorrow: but I will see you again, and your heart shall rejoice, and your joy no man taketh from you.

16:23 และในวันนั้นท่านทั้งหลายจะไม่ถามเราถึงสิ่งใดเลย แท้จริงแล้วเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งใดก็ตามที่ท่านทั้งหลายจะขอจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านทั้งหลาย

16:23 And in that day ye shall ask me nothing. Verily, verily, I say unto you, Whatsoever ye shall ask the Father in my name, he will give it you.

16:24 จนกระทั่งบัดนี้ ท่านทั้งหลายยังไม่ได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอเถิด และท่านทั้งหลายจะได้รับ เพื่อความปีติยินดีของท่านทั้งหลายจะเต็มเปี่ยม

16:24 Hitherto have ye asked nothing in my name: ask, and ye shall receive, that your joy may be full.

16:25 สิ่งเหล่านี้เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้วเป็นคำอุปมาต่าง ๆ แต่จะถึงเวลา เมื่อเราจะไม่กล่าวแก่ท่านทั้งหลายเป็นคำอุปมาต่าง ๆ อีกต่อไป แต่เราจะแสดงแก่ท่านทั้งหลายเรื่องพระบิดาอย่างแจ่มแจ้ง

16:25 These things have I spoken unto you in proverbs: but the time cometh, when I shall no more speak unto you in proverbs, but I shall shew you plainly of the Father.

16:26 ในวันนั้นท่านทั้งหลายจะทูลขอในนามของเรา และเราไม่กล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะอ้อนวอนพระบิดาเพื่อท่านทั้งหลาย

16:26 At that day ye shall ask in my name: and I say not unto you, that I will pray the Father for you:

16:27 เพราะว่าพระบิดาเองก็ทรงรักท่านทั้งหลาย เพราะท่านทั้งหลายรักเราแล้ว และเชื่อแล้วว่าเราได้ออกมาจากพระเจ้า

16:27 For the Father himself loveth you, because ye have loved me, and have believed that I came out from God.

16:28 เราได้ออกมาจากพระบิดา และได้เข้ามาในโลกแล้ว อีกครั้ง เราจะจากโลกนี้ไป และจะไปถึงพระบิดา”

16:28 I came forth from the Father, and am come into the world: again, I leave the world, and go to the Father.

16:29 พวกสาวกของพระองค์ทูลพระองค์ว่า “ดูเถิด บัดนี้พระองค์ตรัสอย่างแจ่มแจ้งแล้ว และไม่ตรัสเป็นคำอุปมาเลย

16:29 His disciples said unto him, Lo, now speakest thou plainly, and speakest no proverb.

16:30 บัดนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายแน่ใจว่า พระองค์ทรงทราบสิ่งสารพัด และไม่จำเป็นที่ผู้ใดจะทูลถามพระองค์ โดยสิ่งนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงเชื่อว่าพระองค์ได้ทรงออกมาจากพระเจ้า”

16:30 Now are we sure that thou knowest all things, and needest not that any man should ask thee: by this we believe that thou camest forth from God.

16:31 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “บัดนี้ท่านทั้งหลายเชื่อแล้วหรือ

16:31 Jesus answered them, Do ye now believe?

16:32 ดูเถิด เวลานั้นจะมาถึง ใช่แล้ว บัดนี้ก็มาถึงแล้ว ที่ท่านทั้งหลายจะถูกกระจัดกระจายไป ทุกคนไปยังที่ของตนเอง และจะทิ้งเราไว้แต่ผู้เดียว และกระนั้นเราก็ไม่อยู่แต่ผู้เดียว เพราะพระบิดาทรงอยู่กับเรา

16:32 Behold, the hour cometh, yea, is now come, that ye shall be scattered, every man to his own, and shall leave me alone: and yet I am not alone, because the Father is with me.

16:33 สิ่งเหล่านี้เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อท่านทั้งหลายจะมีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านทั้งหลายจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เราชนะโลกแล้ว”

16:33 These things I have spoken unto you, that in me ye might have peace. In the world ye shall have tribulation: but be of good cheer; I have overcome the world.

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope