กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มัทธิว 9

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24] [25] [26] [27] [28]

พระเยซูทรงรักษาคนอัมพาตให้หาย (มก 2:3-12; ลก 5:18-26)
9:1 และพระองค์ก็เสด็จลงเรือ และข้ามฟากไป และมายังนครของพระองค์เอง
9:2 และดูเถิด เขาทั้งหลายหามคนอัมพาตคนหนึ่งซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระองค์ และเมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย จึงตรัสกับคนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย จงชื่นใจเถิด บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการอภัยให้เจ้าแล้ว”
9:3 และดูเถิด พวกธรรมาจารย์บางคนคิดภายในตัวเองว่า “คนนี้พูดหมิ่นประมาท”
9:4 และพระเยซู โดยทรงทราบความคิดทั้งหลายของพวกเขา ได้ตรัสว่า “ทำไมท่านทั้งหลายคิดความชั่วร้ายอยู่ในใจของพวกท่านเล่า
9:5 ด้วยว่าที่จะกล่าวว่า ‘บาปทั้งหลายของเจ้าได้รับการอภัยให้เจ้าแล้ว’ หรือที่จะกล่าวว่า ‘จงลุกขึ้นและเดินไปเถิด’ นั้น อันไหนจะง่ายกว่ากัน
9:6 แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ทราบว่า บุตรมนุษย์มีฤทธิ์อำนาจบนแผ่นดินโลกที่จะโปรดยกบาปทั้งหลายได้” (แล้วพระองค์ตรัสกับคนอัมพาตว่า) “จงลุกขึ้น ยกที่นอนของเจ้า และไปยังบ้านของเจ้าเถิด”
9:7 และเขาได้ลุกขึ้น และไปบ้านของตน
9:8 แต่เมื่อคนเป็นอันมากเห็นดังนั้น พวกเขาก็ประหลาดใจนัก และถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า ผู้ซึ่งได้ประทานฤทธิ์อำนาจเช่นนั้นแก่มนุษย์ทั้งหลาย

ทรงเรียกมัทธิวคนเก็บภาษี (มก 2:14-20; ลก 5:27-35)
9:9 และขณะที่พระเยซูเสด็จเลยจากที่นั่นไป พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นชายคนหนึ่ง ชื่อมัทธิว นั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี และพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” และเขาก็ลุกขึ้นและตามพระองค์ไป
9:10 และต่อมา ขณะที่พระเยซูเอนพระกายลงรับประทานอยู่ในบ้าน ดูเถิด พวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาปหลายคนได้เข้ามาและเอนกายลง ร่วมกับพระองค์และพวกสาวกของพระองค์
9:11 และเมื่อพวกฟาริสีเห็นดังนั้นแล้ว พวกเขาก็กล่าวแก่พวกสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของพวกท่านรับประทานอาหารร่วมกับพวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาปเล่า”
9:12 แต่เมื่อพระเยซูทรงได้ยินดังนั้น พระองค์ก็ตรัสกับพวกเขาว่า “บรรดาคนปกติไม่ต้องการหมอ เว้นแต่คนทั้งหลายที่เจ็บป่วย
9:13 แต่ท่านทั้งหลายจงไปและเรียนรู้ความหมายของข้อความที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา และไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนชอบธรรม แต่บรรดาคนบาปให้มาสู่การกลับใจเสียใหม่”
9:14 แล้วพวกสาวกของยอห์นมาหาพระองค์ โดยทูลว่า “ทำไมพวกข้าพระองค์และพวกฟาริสีอดอาหารบ่อย ๆ แต่พวกสาวกของพระองค์ไม่อดอาหาร”
9:15 และพระเยซูได้ตรัสกับพวกเขาว่า “บรรดาสหายของเจ้าบ่าวจะโศกเศร้าตราบใดที่เจ้าบ่าวอยู่กับพวกเขาได้หรือ แต่วันเหล่านั้นจะมาถึงเมื่อเจ้าบ่าวจะต้องถูกพรากไปจากพวกเขา และเมื่อนั้นพวกเขาจะอดอาหาร

คำอุปมาเกี่ยวกับเสื้อผ้าและถุงหนัง (มก 2:21-22; ลก 5:36-39)
9:16 ไม่มีผู้ใดเอาชิ้นผ้าทอใหม่มาปะเสื้อเก่า เพราะว่าผ้าซึ่งปะเข้าเพื่อเติมในรอยขาดนั้นก็ดึงเสื้อ และรอยขาดนั้นก็ยิ่งแย่ลง
9:17 และไม่มีผู้ใดเอาน้ำองุ่นใหม่มาใส่ในบรรดาถุงหนังเก่า มิฉะนั้นถุงหนังเหล่านั้นจะขาด และน้ำองุ่นจะรั่ว และถุงหนังเหล่านั้นก็จะเสียไป แต่เขาทั้งหลายย่อมเอาน้ำองุ่นใหม่ใส่ในบรรดาถุงหนังใหม่ และทั้งสองก็ถูกเก็บรักษาไว้ได้”

หญิงเป็นโรคตกเลือดได้รับการรักษาให้หาย ลูกสาวของไยรัสฟื้นขึ้นจากความตาย (มก 5:22-43; ลก 8:41-56)
9:18 ขณะที่พระองค์กำลังตรัสสิ่งเหล่านี้แก่พวกเขานั้น ดูเถิด ขุนนางคนหนึ่งมาและนมัสการพระองค์ โดยทูลว่า “บัดนี้ลูกสาวของข้าพระองค์พึ่งตายแล้ว แต่ขอเสด็จมาและวางพระหัตถ์ของพระองค์บนตัวเขา และเขาจะมีชีวิตอยู่”
9:19 และพระเยซูได้ทรงลุกขึ้น และเสด็จตามเขาไป และพวกสาวกของพระองค์ก็ทำแบบเดียวกัน
9:20 และดูเถิด ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปีแล้ว แอบมาข้างหลังพระองค์ และสัมผัสชายเสื้อผ้าของพระองค์
9:21 เพราะนางคิดภายในตัวเองว่า “ถ้าเราสามารถแตะต้องเสื้อผ้าของพระองค์เท่านั้น เราก็จะหายเป็นปกติ”
9:22 แต่พระเยซูทรงหันกลับมา และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นนาง พระองค์ได้ตรัสว่า “ลูกสาวเอ๋ย จงได้รับการปลอบประโลมใจอันดีเถิด ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้าหายเป็นปกติ” และผู้หญิงนั้นก็หายเป็นปกติตั้งแต่ชั่วโมงนั้นเอง
9:23 และเมื่อพระเยซูเสด็จเข้ามาในบ้านของขุนนางนั้น และทอดพระเนตรเห็นพวกนักเป่าปี่และคนเป็นอันมากทำเสียงดังอยู่
9:24 พระองค์ได้ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงถอยออกไปเถิด ด้วยว่าเด็กหญิงคนนี้ยังไม่ตาย แต่นอนหลับอยู่” และพวกเขาก็หัวเราะเยาะพระองค์
9:25 แต่เมื่อคนเหล่านั้นถูกขับออกไปแล้ว พระองค์ได้เสด็จเข้าไป และจับเด็กหญิงที่มือของเธอ และเด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้น
9:26 และชื่อเสียงของเหตุการณ์นี้ก็ลือไปตลอดทั่วแผ่นดินนั้น

ชายตาบอดสองคนได้รับการรักษาให้หาย
9:27 และเมื่อพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่น ชายตาบอดสองคนตามพระองค์มา โดยร้องและทูลว่า “พระองค์ผู้เป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด”
9:28 และเมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในบ้าน ชายตาบอดทั้งสองก็เข้ามาหาพระองค์ และพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านเชื่อหรือว่า เราสามารถจะกระทำการนี้ได้” พวกเขาทูลพระองค์ว่า “เชื่อ พระเจ้าข้า”
9:29 แล้วพระองค์ทรงถูกต้องตาของพวกเขา โดยตรัสว่า “ขอให้เกิดแก่พวกท่านตามความเชื่อของพวกท่านเถิด”
9:30 และดวงตาของพวกเขาก็ถูกเปิด และพระเยซูได้ทรงกำชับพวกเขาอย่างแข็งขัน โดยตรัสว่า “จงระวังอย่าให้ผู้ใดทราบเรื่องนี้เลย”
9:31 แต่พวกเขา เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว ก็เผยแพร่ชื่อเสียงของพระองค์ในแผ่นดินนั้นทั้งหมด
9:32 และขณะที่พระเยซูและพวกสาวกกำลังเสด็จออกไป ดูเถิด เขาทั้งหลายพาคนใบ้คนหนึ่งที่มีผีสิงอยู่มาหาพระองค์
9:33 และเมื่อผีนั้นถูกขับออกไปแล้ว คนใบ้นั้นก็พูดได้ และคนเป็นอันมากก็ประหลาดใจนัก โดยกล่าวว่า “ไม่เคยเห็นเช่นนี้ในอิสราเอลเลย”
9:34 แต่พวกฟาริสีกล่าวว่า “เขาขับพวกผีออกโดยอาศัยเจ้านายของพวกผีเหล่านั้น”

คนทำการยังมีน้อยในภารกิจนี้ (มก 6:5-6; ลก 10:1-3)
9:35 และพระเยซูได้เสด็จไปตามบรรดานครและหมู่บ้านทั้งหลายโดยรอบ โดยทรงสั่งสอนในธรรมศาลาทั้งหลายของพวกเขา และประกาศข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรนั้น และทรงรักษาทุกความเจ็บป่วยและทุกโรคในท่ามกลางประชาชนให้หาย
9:36 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนเป็นอันมากนั้น พระองค์ก็ทรงเกิดความกรุณาต่อเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาอิดโรย และถูกกระจัดกระจายไปโดยรอบ เหมือนฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง
9:37 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “งานเก็บเกี่ยวนั้นมีมากมายจริง ๆ แต่เหล่าคนงานก็มีน้อย
9:38 เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของงานเก็บเกี่ยวนั้น เพื่อที่พระองค์จะทรงส่งบรรดาคนงานเข้าไปในงานเก็บเกี่ยวของพระองค์”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope