กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

โรม 9

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

ความห่วงใยของเปาโลที่มีต่อชนชาติอิสราเอล
9:1 ข้าพเจ้ากล่าวความจริงในพระคริสต์ ข้าพเจ้าไม่ได้มุสา จิตสำนึกของข้าพเจ้าเป็นพยานฝ่ายข้าพเจ้าในพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย
9:2 ว่า ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนักและความโศกเศร้าในใจของข้าพเจ้าเสมอ
9:3 เพราะข้าพเจ้าอยากขอให้ข้าพเจ้าเองถูกสาปแช่งให้ตัดขาดจากพระคริสต์ เพราะเห็นแก่พี่น้องของข้าพเจ้า คือญาติพี่น้องของข้าพเจ้าตามเนื้อหนัง
9:4 ผู้ซึ่งเป็นคนอิสราเอล ซึ่งการทรงรับเป็นบุตรเป็นของพวกเขา ทั้งสง่าราศี และบรรดาพันธสัญญา และการประทานพระราชบัญญัติ และการรับใช้พระเจ้า และพระสัญญาทั้งหลาย
9:5 ซึ่งบรรพบุรุษทั้งหลายเป็นของพวกเขา และซึ่งตามเนื้อหนังพระคริสต์ได้ทรงถือกำเนิดมาจากพวกเขา พระองค์ผู้ทรงอยู่เหนือสิ่งสารพัด พระเจ้าผู้ทรงรับการถวายสาธุการเป็นนิตย์ เอเมน

มิใช่ชาวยิวจะอยู่ฝ่ายจิตวิญญาณทุกคน
9:6 แต่มิใช่ราวกับว่าพระวจนะของพระเจ้าได้ไร้ประโยชน์ไป เพราะว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนอิสราเอลทุกคน ซึ่งมาจากอิสราเอล
9:7 และไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเป็นเชื้อสายของอับราฮัม พวกเขาทุกคนจึงเป็นลูกทั้งหลายแท้ของท่านด้วย แต่ ‘เชื้อสายของเจ้าจะถูกเรียกในอิสอัค’
9:8 คือว่า เขาทั้งหลายซึ่งเป็นลูกทั้งหลายตามเนื้อหนัง คนเหล่านี้ก็ไม่นับว่าเป็นลูกทั้งหลายของพระเจ้า แต่ลูกทั้งหลายแห่งพระสัญญานั้นจึงจะนับว่าเป็นเชื้อสายได้
9:9 เพราะนี่คือถ้อยคำแห่งพระสัญญาว่า ‘คราวนี้เราจะมาและนางซาราห์จะมีบุตรชาย’

พระเจ้าทรงเลือกยาโคบ
9:10 และมิใช่สิ่งนี้เท่านั้น แต่เมื่อนางเรเบคาห์ได้มีครรภ์กับชายคนหนึ่งด้วย คืออิสอัคบรรพบุรุษของพวกเรา
9:11 (ด้วยว่าเมื่อลูกเหล่านั้นยังไม่บังเกิดมา และยังไม่ได้กระทำดีหรือชั่วร้ายใด ๆ เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้าตามการทรงเลือกนั้นจะตั้งมั่นคงอยู่ ไม่ใช่แห่งบรรดาการกระทำ แต่ของพระองค์ผู้ทรงเรียก)
9:12 มีการกล่าวเช่นนี้แก่นางนั้นว่า ‘พี่จะรับใช้น้อง’
9:13 ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า ‘เราได้รักยาโคบ แต่เราได้เกลียดชังเอซาว’
9:14 เช่นนั้นแล้วพวกเราจะว่าอะไร มีความไม่ชอบธรรมอยู่กับพระเจ้าหรือ ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย
9:15 เพราะพระองค์ตรัสแก่โมเสสว่า ‘เราประสงค์จะเมตตาผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น และเราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น’
9:16 ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นของผู้ที่มีความประสงค์ หรือของผู้ที่วิ่งแข่ง แต่เป็นของพระเจ้าผู้ทรงสำแดงพระเมตตา
9:17 เพราะพระคัมภีร์กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า ‘เพราะเหตุนี้เองเราจึงได้ให้เจ้ามีตำแหน่งสูง เพื่อเราจะแสดงฤทธานุภาพของเราในเจ้า และเพื่อให้นามของเราถูกประกาศออกไปทั่วแผ่นดินโลก’
9:18 เหตุฉะนั้นพระองค์ทรงมีความเมตตาต่อผู้ที่พระองค์ประสงค์มีความเมตตา และผู้ที่พระองค์ประสงค์ พระองค์ก็ทรงทำให้มีใจแข็งกระด้าง
9:19 แล้วท่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ทำไมพระองค์จึงยังทรงตำหนิ เพราะว่าผู้ใดได้ขัดขืนพระประสงค์ของพระองค์เล่า”
9:20 ไม่เลย แต่ โอ มนุษย์เอ๋ย ท่านคือผู้ใดเล่าที่จะโต้ตอบกับพระเจ้าได้ สิ่งซึ่งถูกสร้างขึ้นแล้วนั้นจะกล่าวแก่ผู้ที่สร้างสิ่งนั้นได้หรือว่า “ทำไมท่านได้สร้างข้าพเจ้าอย่างนี้”
9:21 ช่างปั้นหม้อไม่มีอำนาจเหนือดินเหนียวหรือ คือจากก้อนเดียวกันที่จะปั้นภาชนะอันหนึ่งให้มีเกียรติ และอีกอันหนึ่งให้ไร้เกียรติ
9:22 ถ้าพระเจ้า ซึ่งทรงประสงค์จะสำแดงพระพิโรธของพระองค์ และเพื่อทรงให้ฤทธิ์เดชของพระองค์เป็นที่รู้จัก ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานกับบรรดาภาชนะแห่งพระพิโรธ ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับความพินาศ
9:23 และเพื่อพระองค์จะทรงให้ความอุดมสมบูรณ์แห่งสง่าราศีของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่บรรดาภาชนะแห่งพระเมตตา ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วให้เข้าสู่สง่าราศี
9:24 คือพวกเราเอง ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงเรียกแล้ว มิใช่เป็นของพวกยิวพวกเดียว แต่เป็นของพวกคนต่างชาติด้วย

คนอิสราเอลที่เหลืออยู่จะได้รับความรอด
9:25 ตามที่พระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์โฮเชยาด้วยว่า ‘เราจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าเป็นชนชาติของเรา ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้เป็นชนชาติของเรา และจะเรียกนางว่าเป็นที่รัก ซึ่งเมื่อก่อนไม่ได้เป็นที่รัก
9:26 และต่อมาในสถานที่ซึ่งได้ทรงกล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าทั้งหลายไม่ใช่ชนชาติของเรา” ในที่นั้นเองพวกเขาจะถูกเรียกว่า เป็นบุตรทั้งหลายของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่’
9:27 ท่านอิสยาห์ร้องประกาศเรื่องพวกอิสราเอลด้วยว่า ‘ถึงแม้ว่าจำนวนของลูกหลานของอิสราเอลจะเป็นเหมือนเม็ดทรายแห่งทะเล คนที่เหลืออยู่จะรอด
9:28 ด้วยว่าพระองค์จะทรงให้การนั้นสำเร็จ และจะให้สำเร็จโดยเร็วพลันในความชอบธรรม เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้การนั้นสำเร็จโดยเร็วพลันบนพิภพนี้’
9:29 และตามที่ท่านอิสยาห์ได้กล่าวไว้เมื่อก่อนว่า ‘นอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ทรงเหลือเชื้อสายไว้ให้พวกเราบ้าง พวกเราก็จะได้เป็นเหมือนเมืองโสโดม และจะเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์’
9:30 เช่นนั้นแล้วพวกเราจะว่าอะไร คือว่าพวกคนต่างชาติซึ่งไม่ได้ติดตามความชอบธรรม ก็ได้ถึงความชอบธรรมแล้ว คือความชอบธรรมซึ่งเป็นของความเชื่อ
9:31 แต่พวกอิสราเอล ซึ่งได้ติดตามพระราชบัญญัติแห่งความชอบธรรม ก็ไม่ได้ถึงพระราชบัญญัติแห่งความชอบธรรมนั้น
9:32 เพราะเหตุใดเล่า เพราะว่าพวกเขามิได้แสวงหาความชอบธรรมนั้นโดยความเชื่อ แต่เสมือนแสวงหาความชอบธรรมนั้นโดยบรรดาการกระทำแห่งพระราชบัญญัติ ด้วยว่าพวกเขาได้สะดุดที่หินสะดุดก้อนนั้น
9:33 ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า ‘ดูเถิด เราได้วางหินสะดุดก้อนหนึ่งและศิลาแห่งการขัดเคืองใจไว้ในศิโยน และผู้ใดก็ตามที่เชื่อในพระองค์นั้นจะไม่อับอาย’

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope