กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มาระโก 3

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

ทรงรักษาชายมือลีบให้หายในวันสะบาโต (มธ 12:10-14; ลก 6:6-11)
3:1 และพระองค์ได้เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาอีก และที่นั่นมีชายคนหนึ่งซึ่งมีมือข้างหนึ่งลีบ
3:2 และพวกเขาคอยดูพระองค์ว่า พระองค์จะรักษาเขาให้หายในวันสะบาโตหรือไม่ เพื่อพวกเขาจะหาเหตุฟ้องพระองค์ได้
3:3 และพระองค์ตรัสกับคนซึ่งมีมือลีบนั้นว่า “มายืนข้างหน้าเถิด”
3:4 และพระองค์ตรัสแก่คนทั้งหลายว่า “ในวันสะบาโตทั้งหลายเป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติหรือไม่ที่จะทำการดี หรือที่จะทำการชั่วร้าย ที่จะช่วยชีวิต หรือที่จะฆ่าเสีย” แต่พวกเขาก็นิ่งอยู่
3:5 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรดูพวกเขารอบ ๆ ด้วยความโกรธ โดยมีพระทัยเป็นทุกข์เพราะเหตุความแข็งกระด้างแห่งใจของพวกเขา พระองค์ตรัสกับชายคนนั้นว่า “จงเหยียดมือของท่านออกเถิด” และเขาก็เหยียดมือนั้นออก และมือของเขาก็หายเป็นปกติเหมือนกับมืออีกข้างหนึ่ง

คนเป็นอันมากติดตามไปและหลายคนได้รับการรักษาให้หาย (มธ 12:15-16; ลก 6:17-19)
3:6 และพวกฟาริสีจึงออกไป และในทันใดนั้นได้ปรึกษากับพวกเฮโรดเรื่องพระองค์ว่า พวกเขาจะทำลายพระองค์ได้อย่างไร
3:7 แต่พระเยซูทรงปลีกตัวออกไป พร้อมกับพวกสาวกของพระองค์ ไปยังทะเล และประชาชนเป็นอันมากจากแคว้นกาลิลีได้ตามพระองค์ไป และจากแคว้นยูเดีย
3:8 และจากกรุงเยรูซาเล็ม และจากแคว้นเอโดม และจากฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น และพวกเขาจากแคว้นเมืองไทระและเมืองไซดอน ประชาชนเป็นอันมาก เมื่อพวกเขาได้ยินถึงบรรดาสิ่งยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงกระทำนั้น ก็มาหาพระองค์
3:9 และพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า ให้เอาเรือเล็กมาคอยรับพระองค์ เพราะเหตุประชาชน เกรงว่าพวกเขาจะเบียดเสียดพระองค์
3:10 ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงรักษาคนเป็นอันมากให้หายแล้ว จนถึงขนาดที่พวกเขาเบียดเสียดพระองค์เพื่อที่จะถูกต้องพระองค์ ทุกคนที่เป็นโรคต่าง ๆ
3:11 และพวกผีโสโครก เมื่อพวกมันได้เห็นพระองค์ ก็ได้หมอบลงต่อพระพักตร์พระองค์ และร้องออก โดยทูลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า”
3:12 และพระองค์จึงทรงกำชับพวกมันอย่างแข็งขันว่า พวกมันไม่ควรเปิดเผยว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใด

ทรงเรียกอัครทูตสิบสองคน (มธ 10:1-4; ลก 6:12-16)
3:13 และพระองค์เสด็จขึ้นไปในภูเขาลูกหนึ่ง และเรียกคนเหล่านั้นที่พระองค์พอพระทัยให้มาหาพระองค์ และพวกเขาได้มาหาพระองค์
3:14 และพระองค์ทรงตั้งสิบสองคนไว้ เพื่อพวกเขาจะอยู่กับพระองค์ และเพื่อพระองค์จะทรงส่งพวกเขาออกไปเพื่อประกาศ
3:15 และเพื่อมีอำนาจที่จะรักษาความเจ็บป่วยทั้งหลายให้หาย และเพื่อจะขับพวกผีออกได้
3:16 และซีโมนนั้น พระองค์ประทานนามสกุลว่าเปโตร
3:17 และยากอบบุตรชายของเศเบดี กับยอห์นน้องชายของยากอบ และพระองค์ประทานนามสกุลแก่เขาทั้งสองว่า โบอานเอรเกส แปลว่า บุตรทั้งหลายแห่งฟ้าร้อง
3:18 และอันดรูว์ และฟีลิป และบารโธโลมิว และมัทธิว และโธมัส และยากอบบุตรชายของอัลเฟอัส และธัดเดอัส และซีโมนคนคานาอัน
3:19 และยูดาสอิสคาริโอท ซึ่งได้ทรยศพระองค์ด้วย และพระองค์กับพวกสาวกได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง
3:20 และประชาชนก็มาประชุมกันอีก จนพระองค์และพวกสาวกไม่สามารถรับประทานอาหารได้
3:21 และเมื่อพวกมิตรสหายของพระองค์ได้ยินเรื่องนั้น พวกเขาก็ออกไปเพื่อจะจับพระองค์ไว้ ด้วยพวกเขากล่าวว่า “พระองค์เสียสติไปแล้ว”

ความผิดบาปที่ทรงอภัยให้ไม่ได้ (มธ 12:24-29; ลก 11:14-20)
3:22 และพวกธรรมาจารย์ซึ่งได้ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มได้กล่าวว่า “ผู้นี้มีเบเอลเซบูบเข้าสิง” และ “โดยอาศัยเจ้านายของพวกผีเหล่านั้น เขาขับพวกผีออก”
3:23 และพระองค์ทรงเรียกคนเหล่านั้นมาหาพระองค์ และตรัสแก่พวกเขาเป็นคำอุปมาว่า “ซาตานจะขับซาตานออกอย่างไรได้
3:24 และถ้าราชอาณาจักรใด ๆ ถูกทำให้แตกแยกกันเองแล้ว ราชอาณาจักรนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้
3:25 และถ้าครัวเรือนใด ๆ ถูกทำให้แตกแยกกันเองแล้ว ครัวเรือนนั้นก็ตั้งอยู่ไม่ได้
3:26 และถ้าซาตานขึ้นมาต่อสู้กับตนเอง และถูกทำให้แตกแยกกัน มันก็ตั้งอยู่ไม่ได้ แต่มีจุดจบ
3:27 ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในบ้านของคนที่มีกำลังมากและปล้นเอาทรัพย์ของเขาได้ ถ้าเขาไม่ยอมจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อน และจากนั้นเขาจึงจะปล้นบ้านของเขาได้
3:28 เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บาปทุกอย่างจะโปรดยกโทษให้บุตรทั้งหลายของมนุษย์ และบรรดาคำหมิ่นประมาทใดก็ตามที่พวกเขาจะหมิ่นประมาทนั้น
3:29 แต่ผู้ที่จะหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ไม่ได้รับการยกโทษเลย แต่ตกอยู่ในอันตรายแห่งพระอาชญาชั่วนิรันดร์”
3:30 เพราะว่าเขาทั้งหลายได้กล่าวว่า “ผู้นี้มีผีโสโครกเข้าสิง”

ผู้ที่เชื่อเป็นเหมือนมารดาและพวกน้องชายของพระเยซู (มธ 12:46-50; ลก 8:19-21)
3:31 เวลานั้นพวกน้องชายของพระองค์และมารดาของพระองค์มา และเมื่อยืนอยู่ข้างนอก ก็ส่งไปยังพระองค์ โดยเรียกหาพระองค์
3:32 และประชาชนก็นั่งอยู่รอบพระองค์ และพวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “ดูเถิด มารดาของพระองค์และพวกน้องชายของพระองค์ที่อยู่ข้างนอกถามหาพระองค์”
3:33 และพระองค์ทรงตอบพวกเขา โดยตรัสว่า “ใครเป็นมารดาของเรา และเป็นพวกน้องชายของเรา”
3:34 และพระองค์ทอดพระเนตรไปโดยรอบยังคนทั้งหลายซึ่งนั่งอยู่รอบตัวพระองค์นั้น และตรัสว่า “ดูเถิด มารดาของเราและพวกน้องชายของเรา
3:35 ด้วยว่าผู้ใดก็ตามที่จะกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ผู้นั้นแหละเป็นน้องชายของเรา และน้องสาวของเรา และมารดา”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope