กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มาระโก 9

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

การจำแลงพระกายของพระคริสต์ (มธ 17:1-8; ลก 9:28-36)
9:1 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีบางคนในพวกเขาที่ยืนอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ลิ้มรสแห่งความตาย จนกว่าพวกเขาได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้ามาด้วยฤทธานุภาพ”
9:2 และหลังจากหกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร และยากอบ และยอห์นไปกับพระองค์ และทรงนำพวกเขาขึ้นไปบนภูเขาสูงลูกหนึ่งแต่ลำพัง และพระกายของพระองค์ก็ถูกเปลี่ยนไปต่อหน้าพวกเขา
9:3 และเสื้อผ้าของพระองค์ก็ส่องแสง ขาวโพลนยิ่งนักราวกับหิมะ จนจะหาช่างฟอกผ้าทั่วแผ่นดินโลกฟอกให้ขาวอย่างนั้นก็ไม่ได้
9:4 และเอลียาห์กับโมเสสก็มาปรากฏแก่พวกเขา และเขาทั้งสองเฝ้าสนทนากับพระเยซู
9:5 และเปโตรตอบและทูลพระเยซูว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ซึ่งพวกข้าพระองค์อยู่ที่นี่ก็ดี และให้พวกข้าพระองค์ทำพลับพลาสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง และสำหรับโมเสสหลังหนึ่ง และสำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง”
9:6 ด้วยว่าเปโตรไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เพราะพวกเขากลัวอย่างมาก
9:7 และมีเมฆก้อนหนึ่งมาปกคลุมพวกเขาไว้ และมีพระสุรเสียงหนึ่งออกมาจากเมฆนั้น โดยตรัสว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด”
9:8 และในทันใดนั้น เมื่อพวกเขาดูโดยรอบแล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นผู้ใดอีกต่อไปเลย ยกเว้นพระเยซูเท่านั้นที่อยู่กับพวกเขาเอง
9:9 และขณะที่พวกเขาลงมาจากภูเขา พระองค์ทรงกำชับพวกเขาว่า พวกเขาไม่ควรบอกสิ่งทั้งหลายที่พวกเขาได้เห็นแก่ผู้ใดเลย จนกว่าบุตรมนุษย์จะเป็นขึ้นมาจากความตาย
9:10 และพวกเขาเก็บถ้อยคำนั้นไว้กับพวกเขาเอง โดยซักถามกันและกันว่า การเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น มีความหมายอะไร
9:11 และพวกเขาก็ทูลถามพระองค์ โดยกล่าวว่า “ทำไมพวกธรรมาจารย์จึงกล่าวว่า เอลียาห์จะต้องมาก่อน”
9:12 และพระองค์ทรงตอบและทรงบอกพวกเขาว่า “เอลียาห์จะมาก่อนจริง และทำให้สิ่งทั้งปวงคืนสู่สภาพเดิม และมีเขียนไว้เกี่ยวกับบุตรมนุษย์ว่า พระองค์จะต้องทนทุกข์หลายประการ และจะทรงถูกปฏิเสธเสีย
9:13 แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า แท้จริงเอลียาห์นั้นได้มาแล้ว และพวกเขาได้ทำแก่ท่านสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาได้ปรารถนา ตามที่มีเขียนไว้แล้วถึงท่าน”

อัครทูตเก้าคนที่ขาดฤทธิ์อำนาจ (มธ 17:14-21; ลก 9:37-42)
9:14 และเมื่อพระองค์ได้เสด็จมายังพวกสาวกของพระองค์ พระองค์ก็ทอดพระเนตรเห็นประชาชนเป็นอันมากอยู่ล้อมรอบพวกเขา และพวกธรรมาจารย์กำลังซักถามกับพวกเขาอยู่
9:15 และในทันใดนั้นประชาชนทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์แล้ว ก็ประหลาดใจนัก และเมื่อวิ่งไปหาพระองค์ก็ทักทายพระองค์
9:16 และพระองค์ตรัสถามพวกธรรมาจารย์ว่า “ท่านทั้งหลายซักถามกับพวกเขาด้วยเรื่องอะไร”
9:17 และคนหนึ่งในประชาชนตอบและทูลว่า “อาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ได้พาบุตรชายของข้าพระองค์มาหาพระองค์ ซึ่งมีผีใบ้เข้าสิงอยู่
9:18 และที่ไหนก็ตามที่ผีนั้นพาเขาไป มันก็ทำให้เขาชักด้วยอาการกระตุก และเขามีน้ำลายฟูมปาก และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเขา และอ่อนระโหยไป และข้าพระองค์ได้พูดกับพวกสาวกของพระองค์ว่า ขอให้พวกเขาขับผีนั้นออกเสีย และพวกเขาทำไม่ได้”
9:19 พระองค์ทรงตอบคนนั้น และตรัสว่า “โอ คนชั่วอายุที่ขาดความเชื่อ เราจะต้องอยู่กับท่านทั้งหลายนานเท่าใด เราจะต้องอดทนกับท่านทั้งหลายนานเท่าใด จงพาเด็กนั้นมาหาเราเถิด”
9:20 และพวกเขาก็พาเด็กคนนั้นมาหาพระองค์ และเมื่อเด็กคนนั้นเห็นพระองค์แล้ว ในทันใดนั้นผีนั้นก็ทำให้เขาชักด้วยอาการกระตุก และเขาล้มลงบนพื้นดิน และกลิ้งเกลือกโดยมีน้ำลายฟูมปาก
9:21 และพระองค์ตรัสถามบิดาของเด็กคนนั้นว่า “นานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ผีนี้ได้มาถึงเขา” และบิดาทูลว่า “ตั้งแต่เป็นเด็กเล็ก ๆ มา
9:22 และหลายครั้งผีนั้นก็โยนเขาลงไปในไฟและในน้ำทั้งหลายเพื่อจะทำลายเขาเสีย แต่ถ้าพระองค์สามารถกระทำสิ่งใด ๆ ขอโปรดกรุณาแก่พวกเราและช่วยพวกเราด้วยเถิด”
9:23 พระเยซูตรัสแก่บิดานั้นว่า “ถ้าท่านสามารถเชื่อได้ สิ่งสารพัดก็เป็นไปได้แก่ผู้ที่เชื่อ”
9:24 และในทันใดนั้น บิดาของเด็กคนนั้นก็ร้องออก และทูลด้วยน้ำตาไหลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์เชื่อ ขอพระองค์โปรดช่วยเกี่ยวกับการขาดความเชื่อของข้าพระองค์ด้วยเถิด”
9:25 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นประชาชนกำลังวิ่งเข้ามาด้วยกัน พระองค์ก็ตรัสห้ามผีโสโครกนั้นโดยตรัสกับมันว่า “เจ้าผีใบ้และหูหนวก เรากำชับเจ้า จงออกมาจากเขา และอย่าเข้าสิงเขาอีกเลย”
9:26 และผีนั้นจึงร้องเสียงดัง และทำให้เด็กคนนั้นชักด้วยอาการกระตุกอย่างหนัก และออกมาจากตัวเขา และเด็กคนนั้นเป็นเหมือนคนที่ตายแล้ว จนถึงขนาดที่มีหลายคนกล่าวว่า “เขาตายเสียแล้ว”
9:27 แต่พระเยซูทรงจับเขาด้วยมือ และพยุงเด็กคนนั้นขึ้น และเขาก็ลุกขึ้น
9:28 และเมื่อพระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านหลังหนึ่งแล้ว พวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์เป็นส่วนตัวว่า “ทำไมพวกข้าพระองค์ขับผีนั้นออกไม่ได้”
9:29 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ผีชนิดนี้ไม่สามารถออกมาได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร”

พระเยซูทรงพยากรณ์ถึงการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ (มธ 17:22-23; ลก 9:43-45)
9:30 และพระองค์กับพวกสาวกจึงออกไปจากที่นั่น และดำเนินผ่านเข้าไปในแคว้นกาลิลี และพระองค์ไม่ประสงค์จะให้ผู้ใดทราบสิ่งนี้
9:31 ด้วยว่าพระองค์ทรงสั่งสอนพวกสาวกของพระองค์ และตรัสกับพวกเขาว่า “บุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้ในมือของคนทั้งหลาย และพวกเขาจะประหารชีวิตท่านเสีย และหลังจากท่านถูกประหารแล้ว ท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม”
9:32 แต่พวกเขาไม่เข้าใจถ้อยคำนั้น และกลัวที่จะทูลถามพระองค์

สาวกคนไหนจะเป็นใหญ่ที่สุด (มธ 18:1-6; ลก 9:46-48)
9:33 และพระองค์เสด็จมายังเมืองคาเปอรนาอุม และเมื่อประทับในบ้านแล้ว พระองค์ตรัสถามพวกสาวกว่า “ท่านทั้งหลายโต้แย้งกันในท่ามกลางพวกท่านเองเรื่องอะไรขณะอยู่กลางทางนั้น”
9:34 แต่พวกเขาก็นิ่งอยู่ เพราะขณะอยู่กลางทางนั้นพวกเขาได้เถียงกันในท่ามกลางพวกเขาเองว่า คนไหนจะเป็นใหญ่ที่สุด
9:35 และพระองค์ทรงนั่งลง และทรงเรียกสิบสองคนนั้นมา และตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าผู้ใดปรารถนาจะเป็นคนต้น ผู้เดียวกันนั้นเองจะเป็นคนท้ายสุด และเป็นผู้รับใช้ของทุกคน”
9:36 และพระองค์ทรงเอาเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งมา และตั้งเขาไว้ในท่ามกลางพวกเขา และเมื่อพระองค์ทรงอุ้มเด็กนั้นไว้ในพระกรของพระองค์แล้ว พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า
9:37 “ผู้ใดก็ตามที่จะรับเด็กเล็กเช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา ก็รับเรา และผู้ใดก็ตามที่จะรับเรา ก็ไม่ได้รับเรา แต่รับพระองค์ผู้ได้ทรงส่งเรามา”

ทรงว่ากล่าวสาวกที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ (ลก 9:49-50)
9:38 และยอห์นทูลตอบพระองค์ โดยทูลว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์ได้เห็นคนหนึ่งขับพวกผีออกในพระนามของพระองค์ และคนนั้นไม่ตามพวกเรามา และพวกข้าพระองค์ได้ห้ามเขา เพราะเขาไม่ตามพวกเรามา”
9:39 แต่พระเยซูตรัสว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าไม่มีผู้ใดซึ่งจะกระทำการอัศจรรย์ในนามของเรา ที่จะพูดว่าร้ายเราได้ง่าย ๆ
9:40 เพราะว่าผู้ใดที่ไม่เป็นฝ่ายต่อสู้พวกเรา ผู้นั้นก็มีส่วนในพวกเราแล้ว
9:41 ด้วยว่าผู้ใดก็ตามที่จะเอาน้ำถ้วยหนึ่งให้ท่านทั้งหลายดื่มในนามของเรา เพราะท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์ เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะไม่ขาดบำเหน็จของเขา

ทรงเตือนถึงนรก
9:42 และผู้ใดก็ตามที่จะทำคนหนึ่งในผู้เล็กน้อยเหล่านี้ที่เชื่อในเราให้หลงผิด ซึ่งจะเอาหินโม่ก้อนใหญ่ผูกที่คอของผู้นั้น และผู้นั้นจะถูกทิ้งลงในทะเลก็จะดีกว่า
9:43 และถ้ามือของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดมันออก ซึ่งท่านจะเข้าสู่ชีวิตเป็นคนมือด้วน ก็ยังดีกว่าการมีสองมือที่จะต้องเข้าไปในนรก เข้าไปในไฟนั้นที่ไม่มีวันดับ
9:44 ในที่นั้นตัวหนอนของพวกเขาก็ไม่ตาย และไฟนั้นก็ไม่ดับเลย
9:45 และถ้าเท้าของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดมันออก ซึ่งท่านจะเข้าสู่ชีวิตเป็นง่อย ก็ยังดีกว่าการมีสองเท้าที่จะต้องถูกทิ้งลงในนรก เข้าไปในไฟนั้นที่ไม่มีวันดับ
9:46 ในที่นั้นตัวหนอนของพวกเขาก็ไม่ตาย และไฟนั้นก็ไม่ดับเลย
9:47 และถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักมันออก ซึ่งท่านจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าด้วยตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีสองตาที่จะถูกทิ้งเข้าไปในไฟนรก
9:48 ในที่นั้นตัวหนอนของพวกเขาก็ไม่ตาย และไฟนั้นก็ไม่ดับเลย
9:49 ด้วยว่าทุกคนจะถูกสงวนไว้ด้วยไฟ และเครื่องบูชาทุกอย่างจะถูกสงวนไว้ด้วยเกลือ
9:50 เกลือเป็นของดี แต่ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มของมันไปแล้ว ท่านทั้งหลายจะเอามันไปปรุงรสกับอะไรเล่า ท่านทั้งหลายจงมีเกลือในตัวเอง และจงอยู่อย่างสงบสุขซึ่งกันและกัน”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope