กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มาระโก 10

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

คำบัญชาของพระเยซูเกี่ยวกับการหย่าร้าง (มธ 5:31-32; 19:1-9; ลก 16:18; 1 คร 7:10-15)
10:1 และพระองค์ได้ทรงลุกขึ้นเสด็จไปจากที่นั่น และเข้าไปในเขตแดนของแคว้นยูเดีย ไปตามทางแม่น้ำจอร์แดนฟากข้างโน้น และประชาชนพากันมาหาพระองค์อีก และตามที่พระองค์ทรงเคยทำนั้น พระองค์ทรงสั่งสอนพวกเขาอีก
10:2 และพวกฟาริสีมาหาพระองค์ และถามพระองค์ว่า “ผู้ชายจะหย่าภรรยาของตนเป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติหรือไม่” โดยทดลองพระองค์
10:3 และพระองค์ทรงตอบและตรัสกับพวกเขาว่า “โมเสสได้บัญชาพวกท่านไว้ว่าอะไร”
10:4 และพวกเขากล่าวว่า “โมเสสอนุญาตให้ทำหนังสือแห่งการหย่า และให้หย่าภรรยาได้”
10:5 และพระเยซูทรงตอบและตรัสกับพวกเขาว่า “โมเสสได้เขียนข้อบังคับนี้เพราะเหตุความแข็งกระด้างแห่งใจของท่านทั้งหลาย
10:6 แต่ตั้งแต่เริ่มแรกแห่งการเนรมิตสร้างนั้น ‘พระเจ้าได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง
10:7 เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะจากบิดาและมารดาของเขา และไปผูกพันเข้ากับภรรยาของเขา
10:8 และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน’ ดังนั้นเขาทั้งสองจึงไม่เป็นสองต่อไป แต่เป็นเนื้ออันเดียวกัน
10:9 เหตุฉะนั้นซึ่งพระเจ้าได้ทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์ทำให้พรากจากกันเลย”
10:10 และในบ้านหลังหนึ่ง พวกสาวกของพระองค์ทูลถามพระองค์อีกถึงเรื่องเดิมนั้น
10:11 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดก็ตามที่จะหย่าภรรยาของตน และไปแต่งงานกับหญิงคนอื่น ก็เล่นชู้ต่อนาง
10:12 และถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะหย่าสามีของตน และไปแต่งงานกับชายคนอื่น หญิงนั้นก็เล่นชู้”

จงยอมให้เด็กเล็ก ๆ เข้ามา (มธ 19:13-15; ลก 18:15-17)
10:13 และเขาทั้งหลายพาพวกเด็กเล็ก ๆ มาหาพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์ทรงแตะต้องตัวเด็กเหล่านั้น และพวกสาวกของพระองค์ก็ห้ามปรามคนเหล่านั้นที่พาพวกเด็กมานั้น
10:14 แต่เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นการนั้น พระองค์ไม่พอพระทัยมาก และตรัสแก่พวกสาวกว่า “จงยอมให้พวกเด็กเล็ก ๆ เข้ามาหาเรา และอย่าห้ามพวกเขาเลย เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้าย่อมเป็นของคนเช่นนั้น
10:15 เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดก็ตามที่จะไม่รับอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ผู้นั้นจะไม่เข้าในอาณาจักรนั้น”
10:16 และพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็ก ๆ เหล่านั้นไว้ในพระกรของพระองค์ และวางพระหัตถ์ของพระองค์บนพวกเขา และทรงอวยพรพวกเขา

เรื่องเศรษฐีหนุ่ม (มธ 19:16-30; ลก 18:18-20)
10:17 และเมื่อพระองค์กำลังเสด็จออกไปตามทาง คนหนึ่งวิ่งมา และคุกเข่าลงต่อพระพักตร์พระองค์ และทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะกระทำประการใดเพื่อข้าพเจ้าจะได้ชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก”
10:18 และพระเยซูตรัสกับคนนั้นว่า “ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไมเล่า ไม่มีผู้ใดประเสริฐนอกจากพระองค์ผู้เดียว นั่นคือพระเจ้า
10:19 ท่านรู้จักพระบัญญัติทั้งหลายแล้วซึ่งว่า ‘อย่าเล่นชู้ อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ อย่าฉ้อโกงเขา จงให้เกียรติแก่บิดาและมารดาของเจ้า’”
10:20 และคนนั้นตอบและทูลพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า สิ่งเหล่านี้ข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้ทุกประการตั้งแต่วัยหนุ่มของข้าพเจ้ามา”
10:21 แล้วพระเยซูทรงเพ่งดูคนนั้น ก็ทรงรักเขา และตรัสแก่เขาว่า “มีสิ่งเดียวที่ท่านยังขาดอยู่ จงไปตามทางของท่าน ขายสิ่งใดก็ตามซึ่งท่านมีอยู่ และแจกจ่ายให้คนยากจน และท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ และมาเถิด จงแบกกางเขน และตามเรามา”
10:22 และเขาเสียใจเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น และจากไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก

คำทรงเตือน อย่าไว้วางใจในทรัพย์สมบัติ
10:23 และพระเยซูทอดพระเนตรดูรอบ ๆ และตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “บรรดาคนที่มีทรัพย์สมบัติมากมายจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากจริงหนอ”
10:24 และพวกสาวกก็ประหลาดใจด้วยคำตรัสทั้งหลายของพระองค์ แต่พระเยซูทรงตอบอีกครั้ง และตรัสกับพวกเขาว่า “ลูกเอ๋ย คนทั้งหลายที่วางใจในทรัพย์สมบัติจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าก็ยากจริง ๆ
10:25 ตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้า”
10:26 และพวกเขาก็ประหลาดใจเหลือประมาณ โดยพูดกันในท่ามกลางพวกเขาเองว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้”
10:27 และพระเยซูทอดพระเนตรดูพวกเขาแล้วตรัสว่า “สำหรับมนุษย์สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นแบบนั้นกับพระเจ้า เพราะว่าสำหรับพระเจ้าสิ่งสารพัดก็เป็นไปได้”
10:28 แล้วเปโตรเริ่มทูลพระองค์ว่า “ดูเถิด ข้าพระองค์ทั้งหลายได้สละสิ่งสารพัด และได้ตามพระองค์มา”
10:29 และพระเยซูทรงตอบและตรัสว่า “เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดที่ได้สละบ้าน หรือพวกพี่ชายน้องชาย หรือพวกพี่สาวน้องสาว หรือบิดา หรือมารดา หรือภรรยา หรือบุตรทั้งหลาย หรือที่ดินต่าง ๆ เพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐนั้น
10:30 แต่บัดนี้ในเวลานี้ผู้นั้นจะได้รับผลหนึ่งร้อยเท่า คือบ้านทั้งหลาย และพวกพี่ชายน้องชาย และพวกพี่สาวน้องสาว และมารดา และบุตรทั้งหลาย และที่ดินต่าง ๆ พร้อมกับการข่มเหงทั้งหลาย และในโลกที่จะมานั้นจะได้ชีวิตนิรันดร์
10:31 แต่หลายคนที่เป็นคนต้นจะกลับเป็นคนสุดท้าย และที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น”

ทรงพยากรณ์อีกครั้งถึงการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระเยซู (มธ 20:17-19; ลก 18:31-33)
10:32 และพระองค์กับพวกสาวกกำลังเดินทางจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และพระเยซูก็เสด็จนำหน้าพวกเขา และพวกสาวกก็ประหลาดใจ และขณะที่พวกเขาตามมา พวกเขาก็หวาดกลัว และพระองค์จึงทรงพาสิบสองคนนั้นไปอีก และเริ่มบอกพวกเขาว่า สิ่งใดบ้างจะต้องเกิดขึ้นกับพระองค์
10:33 โดยตรัสว่า “ดูเถิด เราทั้งหลายกำลังขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้แก่พวกปุโรหิตใหญ่และแก่พวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะปรับโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับพวกคนต่างชาติ
10:34 และพวกคนต่างชาติจะเยาะเย้ยท่าน และจะเฆี่ยนตีท่าน และจะถ่มน้ำลายรดท่าน และจะฆ่าท่านเสีย และวันที่สามท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่”

คำขอร้องของยากอบกับยอห์น (มธ 20:20-28)
10:35 และยากอบกับยอห์น บุตรชายทั้งสองของเศเบดี มาหาพระองค์ โดยทูลว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาจะขอให้พระองค์ทรงกระทำแก่พวกข้าพระองค์ตามสิ่งใดก็ตามที่พวกข้าพระองค์ปรารถนา”
10:36 และพระองค์ตรัสกับเขาทั้งสองว่า “ท่านทั้งสองปรารถนาจะให้เราทำสิ่งใดให้พวกท่าน”
10:37 เขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “ขอโปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์ทั้งสองนั่ง เบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง เบื้องซ้ายพระหัตถ์คนหนึ่ง ในสง่าราศีของพระองค์”
10:38 แต่พระเยซูตรัสกับเขาทั้งสองว่า “พวกท่านไม่ทราบว่าพวกท่านขออะไร พวกท่านสามารถดื่มจากถ้วยที่เราจะดื่มนั้นได้หรือ และรับบัพติศมาด้วยบัพติศมาที่เรารับนั้นได้หรือ”
10:39 และเขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า “พวกข้าพระองค์สามารถ” และพระเยซูตรัสกับเขาทั้งสองว่า “แท้จริงพวกท่านจะดื่มจากถ้วยที่เราจะดื่มนั้น และพวกท่านจะรับบัพติศมาด้วยบัพติศมาที่เรารับนั้น
10:40 แต่ที่จะนั่งข้างขวามือของเรา และข้างซ้ายมือของเรานั้น ไม่ใช่กิจของเราที่จะมอบให้ แต่จะประทานให้แก่คนทั้งหลายที่ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขา”
10:41 และเมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินสิ่งนี้แล้ว พวกเขาก็เริ่มไม่พอใจมากกับยากอบและยอห์น
10:42 แต่พระเยซูทรงเรียกเขาทั้งหลายมาหาพระองค์ และตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายทราบอยู่ว่า ผู้ที่ถูกนับว่าเป็นพวกผู้ครอบครองของพวกคนต่างชาติย่อมปกครองเหนือพวกเขา และผู้ใหญ่ทั้งหลายของพวกเขาก็ใช้อำนาจเหนือพวกเขา
10:43 แต่จะไม่เป็นอย่างนั้นในท่ามกลางพวกท่าน แต่ผู้ใดก็ตามที่ใคร่จะเป็นใหญ่ในท่ามกลางพวกท่าน จะเป็นผู้ปรนนิบัติของท่านทั้งหลาย
10:44 และผู้ใดก็ตามที่ใคร่จะเป็นเอกเป็นต้นในท่ามกลางพวกท่าน จะเป็นผู้รับใช้ของทุกคน
10:45 เพราะว่าแม้แต่บุตรมนุษย์ก็ได้มา มิใช่เพื่อรับการปรนนิบัติ แต่เพื่อจะปรนนิบัติ และเพื่อจะประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่สำหรับคนเป็นอันมาก”

คนตาบอดชื่อบารทิเมอัสได้รับการรักษาให้หาย (มธ 20:29-34; ลก 18:35-43)
10:46 และพระองค์กับพวกสาวกมายังเมืองเยรีโค และขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคกับพวกสาวกของพระองค์และประชาชนเป็นอันมาก คนตาบอดคนหนึ่ง ชื่อบารทิเมอัส ซึ่งเป็นบุตรชายของทิเมอัส นั่งขอทานอยู่ที่ริมหนทาง
10:47 และเมื่อคนนั้นได้ยินว่าเป็นพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ เขาจึงเริ่มร้องออกมา และทูลว่า “พระเยซู พระองค์ผู้เป็นบุตรชายของดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”
10:48 และหลายคนกำชับเขาว่า เขาควรนิ่งเสีย แต่เขาก็ร้องดังขึ้นไปอีกว่า “พระองค์ผู้เป็นบุตรชายของดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”
10:49 และพระเยซูทรงยืนนิ่งอยู่ และตรัสสั่งให้เรียกคนนั้นมา และพวกเขาจึงเรียกคนตาบอดนั้น โดยกล่าวแก่เขาว่า “จงชื่นใจ ลุกขึ้นเถิด พระองค์ทรงเรียกเจ้า”
10:50 และคนนั้น เมื่อทิ้งผ้าห่มของเขาไปแล้ว จึงลุกขึ้นและมาหาพระเยซู
10:51 และพระเยซูทรงตอบและตรัสกับเขาว่า “ท่านใคร่จะให้เราทำอะไรแก่ท่าน” คนตาบอดนั้นทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอโปรดให้ข้าพระองค์ได้รับการมองเห็นของข้าพระองค์”
10:52 และพระเยซูตรัสแก่เขาว่า “จงไปตามทางของท่านเถิด ความเชื่อของท่านได้กระทำให้ท่านหายเป็นปกติแล้ว” และในทันใดนั้นเขาก็ได้รับการมองเห็นของเขา และตามพระเยซูไปในทางนั้น

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope