กลับหน้าแรก / Main Menu

 

ยอห์น 14 / John 14

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21]

พระคริสต์ตรัสถึงการเสด็จกลับมาของพระองค์ (1 คร 15:51-52; 1 ธส 4:14-17)
14:1 “อย่าให้ใจของท่านทั้งหลายวิตกเลย ท่านทั้งหลายเชื่อในพระเจ้า จงเชื่อในเราด้วย

Christ Tells of His Return (1 Cor. 15:51-52; 1 Thess. 4:14-17)
14:1 Let not your heart be troubled: ye believe in God, believe also in me.

14:2 ในพระนิเวศน์ของพระบิดาเรามีคฤหาสน์หลายแห่ง ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น เราคงได้บอกท่านทั้งหลายแล้ว เราไปเพื่อจัดเตรียมสถานที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย

14:2 In my Father's house are many mansions: if it were not so, I would have told you. I go to prepare a place for you.

14:3 และถ้าเราไปและจัดเตรียมสถานที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลายแล้ว เราจะกลับมาอีก และรับท่านทั้งหลายมายังตัวเราเอง เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหน ท่านทั้งหลายก็จะอยู่ที่นั่นด้วย

14:3 And if I go and prepare a place for you, I will come again, and receive you unto myself; that where I am, there ye may be also.

14:4 และท่านทั้งหลายรู้ว่าเราไปที่ไหน และท่านทั้งหลายก็รู้จักทางนั้น”

14:4 And whither I go ye know, and the way ye know.

14:5 โธมัสทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน และข้าพระองค์ทั้งหลายจะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร”

14:5 Thomas saith unto him, Lord, we know not whither thou goest; and how can we know the way?

14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น ความจริงนั้น และชีวิตนั้น ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้ยกเว้นมาทางเรา

14:6 Jesus saith unto him, I am the way, the truth, and the life: no man cometh unto the Father, but by me.

การรู้จักพระเยซูก็คือการรู้จักพระบิดา
14:7 ถ้าท่านทั้งหลายได้รู้จักเราแล้ว ท่านทั้งหลายก็จะได้รู้จักพระบิดาของเราด้วย และตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งหลายก็รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์แล้ว”

To Know Jesus Is to Know the Father
14:7 If ye had known me, ye should have known my Father also: and from henceforth ye know him, and have seen him.

14:8 ฟีลิปทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น และข้าพระองค์ทั้งหลายจะพอใจ”

14:8 Philip saith unto him, Lord, shew us the Father, and it sufficeth us.

14:9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราได้อยู่กับท่านทั้งหลายนานถึงเพียงนี้ และท่านยังไม่รู้จักเราหรือ ฟีลิปเอ๋ย ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดาแล้ว และท่านกล่าวได้อย่างไรว่า ‘ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น’

14:9 Jesus saith unto him, Have I been so long time with you, and yet hast thou not known me, Philip? he that hath seen me hath seen the Father; and how sayest thou then, Shew us the Father?

14:10 ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา คำทั้งหลายที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น เรามิได้กล่าวตามใจตัวเอง แต่พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ในเรา พระองค์ทรงกระทำการงานเหล่านั้น

14:10 Believest thou not that I am in the Father, and the Father in me? the words that I speak unto you I speak not of myself: but the Father that dwelleth in me, he doeth the works.

14:11 จงเชื่อเราเถิดว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา หรือมิฉะนั้นจงเชื่อเราเพราะเห็นแก่การงานเหล่านั้นเถิด

14:11 Believe me that I am in the Father, and the Father in me: or else believe me for the very works' sake.

ผู้ที่เชื่อก็สามารถทำกิจการที่พระคริสต์ได้ทรงกระทำมาแล้ว
14:12 แท้จริงแล้วเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเรา การงานเหล่านั้นซึ่งเรากระทำนั้น เขาก็จะกระทำเช่นกัน และเขาจะกระทำการงานทั้งหลายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก เพราะว่าเราจะไปยังพระบิดาของเรา

Believers Can Do the Works Christ Did
14:12 Verily, verily, I say unto you, He that believeth on me, the works that I do shall he do also; and greater works than these shall he do; because I go unto my Father.

14:13 และสิ่งใดก็ตามที่ท่านทั้งหลายจะขอในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น เพื่อที่พระบิดาจะทรงได้รับสง่าราศีในพระบุตร

14:13 And whatsoever ye shall ask in my name, that will I do, that the Father may be glorified in the Son.

14:14 ถ้าท่านทั้งหลายจะขอสิ่งใดในนามของเรา เราก็จะกระทำสิ่งนั้น

14:14 If ye shall ask any thing in my name, I will do it.

14:15 ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา จงรักษาบัญญัติทั้งหลายของเรา

14:15 If ye love me, keep my commandments.

พระสัญญาเรื่องผู้ปลอบประโลมใจ
14:16 และเราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ปลอบประโลมใจอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่านทั้งหลาย เพื่อพระองค์จะได้สถิตอยู่กับท่านทั้งหลายตลอดไป

Promise of the Comforter
14:16 And I will pray the Father, and he shall give you another Comforter, that he may abide with you for ever;

14:17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ผู้ซึ่งโลกไม่สามารถรับได้ เพราะว่าโลกมองไม่เห็นพระองค์และไม่รู้จักพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายและจะประทับอยู่ในท่านทั้งหลาย

14:17 Even the Spirit of truth; whom the world cannot receive, because it seeth him not, neither knoweth him: but ye know him; for he dwelleth with you, and shall be in you.

14:18 เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้ปราศจากการปลอบประโลมใจ เราจะมาหาท่านทั้งหลาย

14:18 I will not leave you comfortless: I will come to you.

14:19 แต่อีกหน่อยหนึ่ง และโลกก็มองไม่เห็นเราอีกต่อไปแล้ว แต่ท่านทั้งหลายเห็นเรา เพราะว่าเรามีชีวิต ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตด้วย

14:19 Yet a little while, and the world seeth me no more; but ye see me: because I live, ye shall live also.

14:20 ในวันนั้นท่านทั้งหลายจะรู้ว่า เราอยู่ในพระบิดาของเรา และท่านทั้งหลายอยู่ในเรา และเราอยู่ในท่านทั้งหลาย

14:20 At that day ye shall know that I am in my Father, and ye in me, and I in you.

14:21 ผู้ใดที่มีบัญญัติทั้งหลายของเราและรักษาบัญญัติเหล่านั้นไว้ ผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่รักเรา และผู้ที่รักเรานั้น พระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขา และจะสำแดงตัวเราเองให้ปรากฏแก่เขา”

14:21 He that hath my commandments, and keepeth them, he it is that loveth me: and he that loveth me shall be loved of my Father, and I will love him, and will manifest myself to him.

14:22 ยูดาส มิใช่อิสคาริโอท ทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า เหตุใดพระองค์จึงจะสำแดงพระองค์เองให้ปรากฏแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย และไม่ใช่แก่โลก”

14:22 Judas saith unto him, not Iscariot, Lord, how is it that thou wilt manifest thyself unto us, and not unto the world?

14:23 พระเยซูทรงตอบและตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะรักษาคำทั้งหลายของเรา และพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราทั้งสองจะมาหาเขา และเราทั้งสองจะทำที่สถิตของเราทั้งสองอยู่กับเขา

14:23 Jesus answered and said unto him, If a man love me, he will keep my words: and my Father will love him, and we will come unto him, and make our abode with him.

14:24 ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่รักษาบรรดาถ้อยคำของเรา และคำซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินนั้นก็ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ได้ทรงส่งเรามา

14:24 He that loveth me not keepeth not my sayings: and the word which ye hear is not mine, but the Father's which sent me.

14:25 เราได้กล่าวสิ่งเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลาย เมื่อเรายังอยู่กับท่านทั้งหลาย

14:25 These things have I spoken unto you, being yet present with you.

14:26 แต่ผู้ปลอบประโลมใจนั้น ซึ่งเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งพระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรา พระองค์นั้นจะทรงสอนท่านทั้งหลายสิ่งสารพัด และจะนำสิ่งสารพัดมาสู่ความทรงจำของท่านทั้งหลาย คือสิ่งใดก็ตามที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว

14:26 But the Comforter, which is the Holy Ghost, whom the Father will send in my name, he shall teach you all things, and bring all things to your remembrance, whatsoever I have said unto you.

สันติสุขสำหรับผู้ที่เชื่อ
14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว สันติสุขของเรา เราให้แก่ท่านทั้งหลาย เราให้แก่ท่านทั้งหลายไม่เหมือนที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านทั้งหลายวิตกเลย และอย่าให้ใจของท่านทั้งหลายกลัว

Sweet Peace for Believers
14:27 Peace I leave with you, my peace I give unto you: not as the world giveth, give I unto you. Let not your heart be troubled, neither let it be afraid.

14:28 ท่านทั้งหลายได้ยินแล้วว่าเราได้กล่าวแก่ท่านทั้งหลายอย่างไร นั่นคือ ‘เราจะจากไปและจะกลับมาหาท่านทั้งหลายอีก’ ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านทั้งหลายก็จะปีติยินดี เพราะเราได้กล่าวว่า ‘เราจะไปหาพระบิดา’ ด้วยว่าพระบิดาของเราทรงเป็นใหญ่กว่าเรา

14:28 Ye have heard how I said unto you, I go away, and come again unto you. If ye loved me, ye would rejoice, because I said, I go unto the Father: for my Father is greater than I.

14:29 และบัดนี้เราบอกท่านทั้งหลายแล้วก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว ท่านทั้งหลายก็จะเชื่อ

14:29 And now I have told you before it come to pass, that, when it is come to pass, ye might believe.

14:30 ต่อไปนี้เราจะไม่สนทนากับท่านทั้งหลายมากนัก เพราะว่าผู้ครองแห่งโลกนี้จะมา และจะฉุดรั้งเราไว้ไม่ได้

14:30 Hereafter I will not talk much with you: for the prince of this world cometh, and hath nothing in me.

14:31 แต่เพื่อโลกจะทราบว่าเรารักพระบิดา และพระบิดาได้ทรงให้คำบัญชาแก่เราอย่างไร เราก็กระทำอย่างนั้น จงลุกขึ้น ให้เราทั้งหลายไปจากที่นี่กันเถิด”

14:31 But that the world may know that I love the Father; and as the Father gave me commandment, even so I do. Arise, let us go hence.

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope